CI อัดโปรแรงโค้งสุดท้ายเร่งระบายสต็อกหนุนรายได้ติดลบน้อยลง,เน้นขายยกล็อต

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 21, 2020 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยี สารสนเทศ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 63 บริษัทยังคงเน้นการทำการตลาดเชิงรุก เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นยอดขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย ISSARA DAY Yes ทุกดีล ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 38% ตั้งแต่วันนี้-15 พ.ย.63 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายจากแคมเปญดังกล่าว 300-400 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญครั้งนี้ มีทั้งหมด 9 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านอิสสระ บางนา, โครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, โครงการ ดิ อิสสระ สาทร, โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่, โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์, โครงการ บลูไดมอนด์ ชะอำ-หัวหิน, โครงการ ดิ อิสสระ เชียงใหม่, โครงการ Baba Beach Club Luxury Pool Villa ชะอำ-หัวหิน และโครงการ Baba Beach Club Residence Natai

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้จากธุรกิจการขายที่อยู่อาศัยให้ฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ประกอบกับเป็นการช่วยระบายสต็อกสินค้าให้ลดลง ช่วยให้ต้นทุนการขายและบริหาร (SG&A) ของบริษัทลดลง ทำให้ความสามารถสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามแม้การออกแคมเปญดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่ก็ยังไม่ทำให้รายได้ทั้งปีเป็นบวกได้ โดยเบื้องต้นคาดว่ารายได้ปีนี้จะลดลงราว 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.26 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ทำให้การขายที่อยู่อาศัยค่อนข้างช้ากว่าที่ผ่านมา ประกอบกับในปีนี้บริษัทไม่มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเตรียมโอน ก็จะทำให้รายได้ปีนี้จะยังไม่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

สำหรับกลยุทธ์การขายในระยะนี้ จะเน้นการขายลักษณะบิ๊กล็อตให้กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อและสภาพคล่องสูง ซึ่งยังมีความต้องการซื้อทรัพย์สินที่จับต้องได้ และให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต แต่ความเสี่ยงไม่สูง ในราคาที่คุ้มค่า ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์หันตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในช่วงนี้ แม้การขายแบบบิ๊กล็อตจะต้องลดราคาขายลงบ้าง แต่บริษัทก็ยังมีมาร์จิ้นที่สมเหตุสมผลอยู่ อีกทั้งการขายลักษณะดังกล่าวจะช่วยระบายสต็อกออกไปได้มาก โดยปัจจุบันบริษัทเจรจากับลูกค้าที่สนใจซื้อแบบบิ๊กล็อตในโครงการที่ชะอำ 1-2 ราย จำนวนที่ซื้อราว 6-7 ยูนิต/ราย มูลค่าขาย 200-300 ล้านบาท/ราย และยังมีโครงการที่ลูกค้าสนใจซื้อแบบบิ๊กล็อตอีก 2-3 โครงการ ซึ่งจะมีการเจรจาเพิ่มเติม

นายดิฐวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการขายโครงการแนวราบในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมาก จะเห็นได้จากยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 10-20 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น 20-30% จากพฤติกรรมของลูกค้าที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บ้านเดี่ยวเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด และความต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้โครงการชะอำได้รับการตอบรับที่ดี แต่อย่างไรก็ตามยอดขายของบริษัทจะเป็นในลักษณะเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ทำให้การขายอาจจะไม่เร็วเมื่อเทียบกับโครงการในระดับกลาง

ด้านธุรกิจโรงแรม ในช่วงแรกที่โควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศไทย และมีการล็อกดาวน์ ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบมาก อัตราการเข้าพักลดลง หรือไม่มีการเข้าพักเลย ทั้งโรงแรมในหัวหิน พังงา และภูเก็ต แต่เมื่อสถานการณ์ในประเทศเริ่มดีขึ้น และภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ โรงแรม Baba Beach Club หัวหิน ได้เริ่มเปิดให้บริการ และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้อัตราการเข้าพักก้าวกระโดดขึ้น เพราะเป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ สะดวกในการเดินทางทางรถยนต์ส่วนตัว และการมีมาตรการ"เราเที่ยวด้วยกัน"เข้ามา สามารถช่วยกระตุ้นอัตราการเข้าพักให้กลับมาอยู่ที่ 60-70% ซึ่งโรงแรมในหัวหินที่เจาะกลุ่มลูกค้าชาวไทย นับว่ายังมีลูกค้าเข้าพักอย่างต่อเนื่อง

ส่วนโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต และ Baba Beach Club นาใต้ จังหวัดพังงา อัตราการเข้าพักเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวขึ้นมาใกล้เคียงกับหัวหินที่ 60-70% แต่ถือว่าภูเก็ตและพังงา ยังขาดปัจจัยสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเริ่มกลับมาได้เมื่อใด แต่ในช่วงนี้ถือว่าบริษัทเน้นกระตุ้นลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก โดยที่ได้ลดราคาห้องพักลงมาราว 15% จากราคาปกติ ซึ่งทำให้ดึงดูดลูกค้าชาวไทยเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

ขณะที่โรมแรมศรีพันวา ไห่หนาน ซึ่งเป็นโรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหารให้กับเจ้าของชาวจีน เดิมมีกำหนดเปิดให้บริการต้นปี 63 แต่ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลให้กำหนดการเปิดให้บริการของโรงแรมศรีพันวา ไห่หนาน ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาได้ปกติ แต่ถือว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะเป็นเพียงการรับจ้างบริหารให้กับเจ้าของโรงแรมชาวจีนที่เป็นผู้ลงทุน

ส่วนการขายสินทรัพย์เข้ากองรีท โดยจะนำห้องพักเฟสใหม่ของ Baba Beach Club หัวหิน ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SRIPANWA) นั้นได้เลื่อนออกไปเป็นปี 64 เพราะยังรอดูสถานการณ์ของการท่องเที่ยวที่มีผลต่อผลการดำเนินงานของโรงแรมในเฟสใหม่ก่อน

นายดิฐวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทจะยังคงลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคใหม่มากขึ้น แต่ยังคงเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก โดยเบื้องต้นจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise 4 ชั้น ที่เขาตะเกียบ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท จำนวนกว่า 100 ยูนิต ใน 4-5 อาคาร ซึ่งจะเริ่มเปิดให้กับลูกค้ากลุ่ม VVIP ในช่วงเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมในไตรมาส 3/63 เพราะมีการปรับรูปแบบและราคาขาย เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดและดึงดูดลูกค้าคนไทยได้มากขึ้น ส่วนแผนงานในปี 64 กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผน

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าปัจจัยที่สำคัญในการฟันฝ่าวิกฤติการณ์ขณะนี้ คือการรักษาและเพิ่มสภาพคล่องให้ได้มากที่สุด เพราะจะทำให้มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจได้ต่อจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ ทำให้บริษัทหันมาทำโปรโมชั่นเพื่อเร่งระบายสต็อก และนำกระแสเงินสดกลับเข้ามาให้ได้มากที่สุด แม้ว่ามาร์จิ้นที่ได้อาจจะลดลงบ้าง แต่ทำให้บริษัทตัวเบาขึ้น พร้อมกับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลง ขณะเดียวกันบริษัทก็จะระมัดระวังในการลงทุน เพื่อนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ และพร้อมที่จะกลับมาเติบโตในระยะต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ