ดาวโจนส์พักฐาน หลังพุ่งกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ ขณะทำสถิติดีดตัว 8 สัปดาห์ติดต่อกัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 19, 2019 22:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พักฐานในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ และหลังจากทำสถิติดีดตัวขึ้น 8 สัปดาห์ติดต่อกัน

ณ เวลา 22.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,879.12 จุด ลบ 4.13 จุด หรือ 0.02%

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี

นักลงทุนรอความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้

การเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนเป็นเวลา 2 วันจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันในวันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ โดยทั้งสองฝ่ายหวังที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนสิ้นเดือนนี้

การเจรจาครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการเจรจาที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายสตีเวน มนูชิน นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่การประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยจะเริ่มขึ้นในวันนี้

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้ แต่ปธน.ทรัมป์ระบุในสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาอาจเลื่อนกำหนดเส้นตายดังกล่าวออกไปอีก 60 วัน หากมีสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงในไม่ช้า

ราคาหุ้นของบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้นมากกว่า 3% หลังเปิดเผยตัวเลขกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ

ทั้งนี้ วอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีรายได้ 1.3879 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3865 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไร 1.41 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายในห้างเพิ่มขึ้น 4.2% ในสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.2%

ส่วนยอดขายออนไลน์ผ่านระบบอีคอมเมิร์ซพุ่งขึ้น 43% ซึ่งเท่ากับในไตรมาส 3 และเมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 ยอดขายอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดขนาดงบดุลภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ