เลือกตั้ง'62: ฝ่ายกม.พรรคเพื่อไทย ติงกกต.ตีโจทย์สูตรส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ผิดตั้งแต่ต้น ชี้หากยึดตามกม.ไม่ต้องส่งศาลตีความ

ข่าวการเมือง Friday April 12, 2019 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่ข่าวว่า กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 เม.ย.62 ให้เสนอเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยนั้น เห็นว่ามีข้อที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็นดังนี้

ประเด็นแรก เหตุผลที่ กกต.อ้าง เป็นเหตุผลที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เมื่อพิจารณาข้ออ้างของ กกต.ที่ว่ามีพรรคหลายพรรคที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีได้ต่ำกว่า 1 คน แต่เมื่อคำนวณตามมาตรา 128(5) แล้วทำให้พรรคเหล่านั้นได้ ส.ส.1 คน จึงอาจทำให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91(2) และ(4) ที่ห้ามจัดสรรที่มีผลให้พรรคการเมืองได้ส.ส.มากกว่าจำนวนที่พึงมีนั้น

"ประเด็นนี้เห็นว่าหากอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 อย่างเป็นขั้นตอน จะไม่มีข้อความส่วนใดขัดหรือแย้งกันเลย แต่ที่ กกต.เห็นว่ามีปัญหานั้นเป็นเพราะ กกต.ไม่ได้ยึดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งเป็นหลัก แต่ไปเอาตามวิธีการที่สำนักงาน กกต.เสนอ ซึ่งอ้างว่าเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)"

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อ กกต.ตั้งโจทย์แบบนี้ การคำนวณจึงผิดตั้งแต่ต้น แล้วก็ไปโทษว่ากฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตรงนี้อธิบายได้ง่ายๆ ว่า เมื่อกฎหมายให้ยึดจำนวนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คนเป็นหลัก แล้วนำไปหารคะแนนรวมของแต่ละพรรค เพื่อหาจำนวนส.ส.พึงมีของพรรคนั้น ตามมาตรา 128(2) แล้ว เอาจำนวนส.ส.พึงมีนั้นไปลบ ส.ส.เขตของพรรคนั้น ผลลัพธ์คือจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคนั้นจะได้รับเบื้องต้น ตามมาตรา 128(3) เมื่อถึงตรงนี้ ต้องเข้าใจว่า หากพรรคใดมีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อส.ส. 1 คน (ต่ำกว่า 71,065 คะแนน) พรรคนั้นก็ไม่มีจำนวน สส.พึงมีมาตั้งแต่ต้น จึงถูกตัดตอนตั้งแต่มาตรา 128(2) แล้ว

หลังจากนั้น การคำนวณต่อไปจะคิดเฉพาะพรรคที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีเท่านั้น โดยมาตรา 128(4) ให้จัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อตามผลลัพธ์ตามมาตรา 128(3) หมายถึงจัดสรรให้พรรคที่มีสิทธิจะได้รับจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อเบื้องต้น แต่เมื่อพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ซึ่งไม่มีส.ส.พึงมีและไม่ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้น ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อตามมาตรา 128(4)

ทั้งนี้ในการจัดสรรนั้นถ้าพรรคใดมีส.ส.เขตเท่ากับหรือมากกว่าส.ส.ที่พึงมีก็จะไม่ได้รับจัดสรรสส.บัญชีรายชื่ออีกคือส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นศูนย์ แล้วเอาส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้กับพรรคที่มีส.ส.เขตต่ำกว่า ส.ส.ที่พรรคนั้นพึงมี เมื่อพรรคเหล่านั้นไม่มีทั้งส.ส.เขตและส.ส.พึงมี ก็ไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร โดยไม่ต้องไปพิจารณาว่าจะทำให้พรรคนั้นมีส.ส.เกินจำนวนที่พึงมีหรือไม่ เพราะเขาไม่มีส.ส.พึงมีมาแต่แรก

ส่วนการจัดสรรตามมาตรา 128(7) กรณีจัดสรรแล้วมีส.ส.บัญชีรายชื่อเกิน 150 คน กฎหมายให้คำนวณปรับส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ตามวิธีการที่กำหนด และในกรณีนี้กฎหมายก็เขียนชัดว่าเมื่อคำนวณตาม (5) แล้วมีส.ส.เกินให้ทำอย่างไร เช่นกันพรรคที่คะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนนไม่อยู่ในข่ายได้รับจัดสรรตาม (5) และไม่มีจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับ จึงไม่อาจนำมาคำนวณตาม (7)ได้เช่นกัน

ดังนั้น หากตีความกฎหมายตรงไปตรงมา จึงไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน และเมื่อคำนวณจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่มีส.ส.พึงมี และจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้รับตามมาตรา 128(7) แล้วผลคำนวณก็ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อครบ 150 คน ไม่ได้มีปัญหาเหมือนที่ กกต.อ้างเลย

สำหรับประเด็นที่สอง เรื่องที่กกต.จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เห็นว่าปัญหาที่กกต.อ้างดูเหมือนกับการจะขอคำอธิบายข้อกฎหมายกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่กกต.มีอำนาจในส่วนนี้อยู่แล้ว แต่กกต.ยังไม่ได้ใช้อำนาจของตนเอง หากใช้อำนาจตามที่มีอยู่และพิจารณาไปตามกฎหมาย ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล

"โดยส่วนตัวจึงเห็นว่า อาจยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะที่ผ่านมา เข้าใจว่าศาลเคยวางหลักว่าไม่มีหน้าที่มาอธิบายรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูจากคำแถลง ดูเหมือน กกต.จะตั้งประเด็นกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญด้วย แต่ก็ไม่เห็นประเด็นว่ามาตราใหนขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องดูคำร้องอย่างละเอียดกันอีกที" นายชูศักดิ์ระบุ

นอกจากนี้ เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่ กกต.จะปล่อยให้ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ กกต.เป็นผู้ใช้กฎหมายเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย จึงมีหน้าที่โดยตรงในการวินิจฉัยตีความกฎหมาย และการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ไม่ควรชี้นำโดยอ้างสูตรคำนวณที่มีการเสนอต่อกกต. แต่ควรอ้างวิธีการคำนวณตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ