1. ให้กรมการข้าว กษ. สนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (International Rice Research Institute: IRRI) โดยตรง ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป และกรมวิชาการเกษตร กษ. ไม่ต้องสนับสนุนงบประมาณให้สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศผ่านกลุ่มที่ปรึกษาว่าด้วยการวิจัยการเกษตรระหว่างประเทศ (Consultative Group on International Agricultural Research : CGIAR) อีกต่อไป
2. ให้สนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศปีละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยให้กรมการข้าวตั้งงบประมาณรองรับ (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละปี)
สาระสำคัญของเรื่อง
กษ. รายงานว่า
1. สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2503 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาข้าวที่จะลดความยากจนและความอดอยากหิวโหยของประชากรโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งประเทศไทยมีความร่วมมือกับสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศตั้งแต่เริ่มจัดตั้งสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ โดยประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณให้สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศภายใต้การเป็นสมาชิกกลุ่มที่ปรึกษาว่าด้วยการวิจัยการเกษตรระหว่างประเทศ
2. ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการสนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศมี ดังนี้
1) ได้สิทธิในการร่วมวางแผน กำหนดนโยบายต่าง ๆ และการใช้งบประมาณของสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาข้าวของประเทศไทย
2) ได้รับองค์ความรู้จากสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศและหุ้นส่วนความร่วมมืออื่น ๆ เป็นการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาข้าวของประเทศไทย และสามารถนำไปถ่ายทอดสู่ชาวนา เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และภาคเอกชน ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทย เป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งโดยตรงจาก การส่งออกข้าว และโดยอ้อมจากการลดความสูญเสียของผลผลิต รวมทั้งทำให้นักวิชาการของประเทศไทยมีโอกาสได้เผยแพร่ผลงานวิจัยด้านข้าวให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
3) เป็นการสร้างเกียรติภูมิของประเทศไทยจากการช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ซึ่งยังต้องการพัฒนาองค์ความรู้ด้านข้าวและขาดแคลนอาหาร ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถผลิตข้าวได้เพียงพอ และร่วมรับผิดชอบต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กรกฏาคม 2558--