ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ พ.ศ. ....

ข่าวการเมือง Tuesday January 16, 2018 18:06 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบดังนี้

1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

2. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

3. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

สาระสำคัญของร่างระเบียบ

1. กำหนดบทนิยามคำว่า “มลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์” “การจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์” “แผนปฏิบัติการ” “น้ำมัน” “เคมีภัณฑ์” “ศูนย์ประสานงาน” “หน่วยปฏิบัติการ” และ “หน่วยงานของรัฐ”

2. กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์” โดยเรียกชื่อย่อว่า “กจน.” ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 25 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน 6 คน เป็นกรรมการ โดยมีอธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นกรรมการและเลขานุการ

3. กำหนดให้ กจน. มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและจัดทำแผนจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ และกำหนดให้หน่วยปฏิบัติการซึ่งเป็นหน่วยงานหลักตามแผนจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ จัดทำแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับแผนจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์เสนอต่อ กจน. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ในการประเมินค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมันและเคมีภัณฑ์และค่าเสียหายที่เกิดจากมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ และเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้แก่บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายจากการขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ ที่ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการหรือตามการสั่งการของ กจน.

4. กำหนดให้หน่วยปฏิบัติการที่เป็นหน่วยงานหลักและหน่วยปฏิบัติการที่เป็นหน่วยสนับสนุนที่เป็นหน่วยงานของรัฐจัดทำคำขอตั้งงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ในกรณีหน่วยปฏิบัติการที่มิใช่หน่วยงานของรัฐมีประมาณการค่าใช้จ่าย ให้ระบุประมาณการค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้เสนอต่อ กจน. ด้วย

5. กำหนดให้ในกรณีมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อขจัดมลพิษทางน้ำ หรือฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ให้หน่วยปฏิบัติการที่เป็นหน่วยงานหลักหรือหน่วยปฏิบัติการที่เป็นหน่วยสนับสนุนนำเอกสารมาขอตั้งเบิกจากกรมเจ้าท่าและขอให้เบิกจ่ายจากคลังในประเภทเงินทดรองราชการ

6. กำหนดให้กรมเจ้าท่าทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของ กจน. ประสานงานกับหน่วยปฏิบัติการและหน่วยสนับสนุนเพื่อจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ โดยต้องจัดให้มีการฝึกซ้อมตามแผนปฏิบัติการ และจัดทำรายงานเสนอต่อ กจน. และรับแจ้งเหตุและประสานงานในกรณีที่มีมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์เกิดขึ้น

7. กำหนดให้ในกรณีมีมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์เกิดขึ้น ให้หน่วยปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมปฏิบัติงานกับศูนย์ประสานงานเพื่อประสานการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการ

8. กำหนดให้บรรดาเงินที่มีผู้มอบให้ในการจัดการมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ ให้หน่วยปฏิบัติการที่เป็นหน่วยงานของรัฐนำไปใช้เพื่อกิจการตามระเบียบนี้ได้ โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน สำหรับเงินที่ได้รับชดเชยความเสียหายอันเนื่องมาจากการก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ให้หน่วยงานของรัฐนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2561--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ