คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนินการแล้ว
(จนถึงวันที่ 19 มกราคม 2549) สรุปได้ดังนี้
1. สภาพภูมิอากาศและสภาพฝนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 12-18 มกราคม 2549)
บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนตลอดสัปดาห์ ประกอบกับมรสุมตะวันออก-
เฉียงเหนือกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เกือบตลอดสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าว
ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มกราคม 2549) กระทรวงมหาดไทย
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานจากจังหวัดว่าได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่าง
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึงวันที่ 19 มกราคม 2549) ดังนี้
2.1 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 27 จังหวัด 167 อำเภอ 17 กิ่งฯ 1,074 ตำบล
10,512 หมู่บ้าน แยกเป็น
ที่ ภาค จังหวัด พื้นที่ประสบภัย
1 ภาคเหนือ 9 พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำพูน แพร่ อุทัยธานี เชียงราย
กำแพงเพชร ตาก ลำปาง
2 ภาคตะวันออก ชัยภูมิ ยโสธร มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น
เฉียงเหนือ 13 อุดรธานี เลยนครพนม ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สกลนคร หนองคาย
3 ภาคกลาง 3 กาญจนบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี
4 ภาคตะวันออก 2 ปราจีนบุรี สระแก้ว
รวม 27 รวม 27 จังหวัด 167 อำเภอ 17 กิ่งฯ 1,074 ตำบล 10,512 หมู่บ้าน
2.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 870,523 ครัวเรือน 3,518,810 คน
จำนวนหมู่บ้านที่ คิดเป็นร้อยละ
ที่ ภาค จำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ประสบภัยแล้งปัจจุบัน (ของหมู่บ้านทั้งประเทศ)
(ณ 19 ม.ค. 2549)
1 ตะวันออกเฉียงเหนือ 32,576 8,858 27.19
2 เหนือ 16,306 1,481 9.08
3 ตะวันออก 4,816 99 2.06
4 กลาง 11,377 74 0.07
5 ใต้ 8,588 - 0
รวม 73,963 10,512 14.21
2.3 พื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 539,141 ไร่ 1,191,726 ไร่
พืชไร่ 70,814 ไร่ 220,009 ไร่
พืชสวน 5,897 ไร่ 19,777 ไร่
รวม 615,148 ไร่ 1,431,512 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 153,362,877 บาท 330,650,434 บาท
2.4 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน
รวม 68 เครื่อง
(2) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 357 แห่ง
(3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 6 แห่ง
2. การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 85 คัน 1,526 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 213,744,000 ลิตร
3. งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
(1) งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 21,190,510 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9,926,599 บาท
(3) งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO 165,100 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 31,162,209 บาท
3. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
3.1 การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2549 ณ
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นกรรมการ และมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยเป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่อำนวยการ ประสานแผนและการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งภาคราชการ ประชาชนและอาสาสมัคร แต่งตั้งคณะทำงานตามความจำเป็น รวมทั้งกำกับ ดูแลการปฏิบัติงาน
ของคณะทำงานฝ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
ปี 2549 ตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้สำเร็จลุล่วง
3.2 การเตรียมการป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง ได้แจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัด
และกรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมในการป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง
ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และสำนักงานเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร
2. กำชับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันอัคคีภัยและไฟป่า
ในช่วงฤดูแล้ง โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัยและไฟป่า รวมทั้งเพิ่มความ
ระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
3. กำชับนายตรวจตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2542 ให้ตรวจตรา
อาคารหรือสถานที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนต์ ห้างสรรพสินค้า สถานประกอบการ สถานบริการ อาคาร
ที่เป็นแหล่งชุมนุมคน รวมทั้งสถานที่เก็บหรือรักษาสิ่งที่ทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย เป็นต้น
4. จัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ในการดับเพลิงและกู้ภัย ให้มีสภาพพร้อมที่จะปฏิบัติงาน
ได้ทันทีที่เกิดภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการ
ปฏิบัติงานให้พิจารณาสั่งใช้อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และอาสาสมัครมูลนิธิอื่นๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่
เข้าร่วมปฏิบัติงาน
5. จัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงและกู้ภัย เตรียมความพร้อม ในพื้นที่
หรือชุมชนหนาแน่นที่มีความเสี่ยงภัย เพื่อเฝ้าระวังเหตุและพร้อมปฏิบัติงานได้ในทันทีที่เกิดภัย
6. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ความเสียหายและผลกระทบที่ จะได้รับ
จากอัคคีภัยและไฟป่า
7. ดำเนินมาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ลักลอบตัดไม้ ทำลายป่าบุกรุกแผ้วถาง
ป่าและจุดไฟป่า
8. หากเกิดอัคคีภัยในพื้นที่ใด ให้ดำเนินการตามแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเขตท้องที่และ
รายงานให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบทันทีทางโทรสารหมายเลข 0-2241-7450-5 หรือ ข่ายสื่อสาร
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยหมายเลข 55045-9
3.3 การจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน
1) การจัดหาน้ำอุปโภคบริโภค ให้จังหวัดแจ้งอำเภอและกิ่งอำเภอจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำ
ประจำหมู่บ้าน โดยใช้สถานที่โรงเรียน วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ หรือสถานที่ที่เหมาะสมที่มีถังเก็บน้ำ
ขนาดใหญ่เป็นจุดรับน้ำและแจกจ่ายน้ำ เพื่อบูรณาการการใช้น้ำร่วมกันของทุกภาคส่วนในชุมชน/หมู่บ้านได้อย่าง
เพียงพอและทั่วถึง
2) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้นายอำเภอและปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ
สำรวจสภาพพื้นที่ของหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งรุนแรงที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน
ที่มีความรุนแรงสูงสุด โดยยึดจำนวนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนและความเป็นไปได้ของพื้นที่เพื่อนำน้ำใต้ดินขึ้นมา
บรรเทาปัญหาความเดือดร้อน ทั้งนี้ให้ประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ขุดเจาะบ่อบาดาลและบ่อน้ำตื้น ตลอดจนการเป่าล้างบ่อบาดาล สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้จังหวัด
ใช้จ่ายจากงบบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ( CEO ) หรือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3) ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
เพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดสรรน้ำ การผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนเก็บกักน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัด
ทั้งนี้ให้มีการบูรณาการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำ
แห่งชาติแต่งตั้งไว้ สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีการผันน้ำผ่านพื้นที่หลายจังหวัดให้หัวหน้าของหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล
รับผิดชอบเขื่อนและกำหนด แผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเป็นประธาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ดังกล่าวร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อรับทราบสถานการณ์และร่วมพิจารณาตัดสินใจวางแผนการจัดสรรน้ำ
การควบคุมการใช้น้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2549
4) การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งปี 2549 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ทุกจังหวัดจะต้องกำหนดมาตรการเพื่อเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาและระดมการให้
ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัย โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชุมชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2549--จบ--
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนินการแล้ว
(จนถึงวันที่ 19 มกราคม 2549) สรุปได้ดังนี้
1. สภาพภูมิอากาศและสภาพฝนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 12-18 มกราคม 2549)
บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนตลอดสัปดาห์ ประกอบกับมรสุมตะวันออก-
เฉียงเหนือกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เกือบตลอดสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าว
ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนส่วนมากทางฝั่งตะวันออกในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มกราคม 2549) กระทรวงมหาดไทย
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานจากจังหวัดว่าได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่าง
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึงวันที่ 19 มกราคม 2549) ดังนี้
2.1 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 27 จังหวัด 167 อำเภอ 17 กิ่งฯ 1,074 ตำบล
10,512 หมู่บ้าน แยกเป็น
ที่ ภาค จังหวัด พื้นที่ประสบภัย
1 ภาคเหนือ 9 พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำพูน แพร่ อุทัยธานี เชียงราย
กำแพงเพชร ตาก ลำปาง
2 ภาคตะวันออก ชัยภูมิ ยโสธร มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น
เฉียงเหนือ 13 อุดรธานี เลยนครพนม ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สกลนคร หนองคาย
3 ภาคกลาง 3 กาญจนบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี
4 ภาคตะวันออก 2 ปราจีนบุรี สระแก้ว
รวม 27 รวม 27 จังหวัด 167 อำเภอ 17 กิ่งฯ 1,074 ตำบล 10,512 หมู่บ้าน
2.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 870,523 ครัวเรือน 3,518,810 คน
จำนวนหมู่บ้านที่ คิดเป็นร้อยละ
ที่ ภาค จำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ประสบภัยแล้งปัจจุบัน (ของหมู่บ้านทั้งประเทศ)
(ณ 19 ม.ค. 2549)
1 ตะวันออกเฉียงเหนือ 32,576 8,858 27.19
2 เหนือ 16,306 1,481 9.08
3 ตะวันออก 4,816 99 2.06
4 กลาง 11,377 74 0.07
5 ใต้ 8,588 - 0
รวม 73,963 10,512 14.21
2.3 พื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 539,141 ไร่ 1,191,726 ไร่
พืชไร่ 70,814 ไร่ 220,009 ไร่
พืชสวน 5,897 ไร่ 19,777 ไร่
รวม 615,148 ไร่ 1,431,512 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 153,362,877 บาท 330,650,434 บาท
2.4 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน
รวม 68 เครื่อง
(2) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 357 แห่ง
(3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 6 แห่ง
2. การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) ใช้รถบรรทุกน้ำ จำนวน 85 คัน 1,526 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 213,744,000 ลิตร
3. งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
(1) งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 21,190,510 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9,926,599 บาท
(3) งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO 165,100 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 31,162,209 บาท
3. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย
3.1 การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2549 ณ
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทย
เป็นประธานกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นกรรมการ และมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยเป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่อำนวยการ ประสานแผนและการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งภาคราชการ ประชาชนและอาสาสมัคร แต่งตั้งคณะทำงานตามความจำเป็น รวมทั้งกำกับ ดูแลการปฏิบัติงาน
ของคณะทำงานฝ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
ปี 2549 ตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้สำเร็จลุล่วง
3.2 การเตรียมการป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง ได้แจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัด
และกรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมในการป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง
ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และสำนักงานเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร
2. กำชับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการป้องกันอัคคีภัยและไฟป่า
ในช่วงฤดูแล้ง โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัยและไฟป่า รวมทั้งเพิ่มความ
ระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
3. กำชับนายตรวจตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2542 ให้ตรวจตรา
อาคารหรือสถานที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนต์ ห้างสรรพสินค้า สถานประกอบการ สถานบริการ อาคาร
ที่เป็นแหล่งชุมนุมคน รวมทั้งสถานที่เก็บหรือรักษาสิ่งที่ทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย เป็นต้น
4. จัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ในการดับเพลิงและกู้ภัย ให้มีสภาพพร้อมที่จะปฏิบัติงาน
ได้ทันทีที่เกิดภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการ
ปฏิบัติงานให้พิจารณาสั่งใช้อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และอาสาสมัครมูลนิธิอื่นๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่
เข้าร่วมปฏิบัติงาน
5. จัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงและกู้ภัย เตรียมความพร้อม ในพื้นที่
หรือชุมชนหนาแน่นที่มีความเสี่ยงภัย เพื่อเฝ้าระวังเหตุและพร้อมปฏิบัติงานได้ในทันทีที่เกิดภัย
6. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ความเสียหายและผลกระทบที่ จะได้รับ
จากอัคคีภัยและไฟป่า
7. ดำเนินมาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ลักลอบตัดไม้ ทำลายป่าบุกรุกแผ้วถาง
ป่าและจุดไฟป่า
8. หากเกิดอัคคีภัยในพื้นที่ใด ให้ดำเนินการตามแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเขตท้องที่และ
รายงานให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบทันทีทางโทรสารหมายเลข 0-2241-7450-5 หรือ ข่ายสื่อสาร
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยหมายเลข 55045-9
3.3 การจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน
1) การจัดหาน้ำอุปโภคบริโภค ให้จังหวัดแจ้งอำเภอและกิ่งอำเภอจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายน้ำ
ประจำหมู่บ้าน โดยใช้สถานที่โรงเรียน วัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ หรือสถานที่ที่เหมาะสมที่มีถังเก็บน้ำ
ขนาดใหญ่เป็นจุดรับน้ำและแจกจ่ายน้ำ เพื่อบูรณาการการใช้น้ำร่วมกันของทุกภาคส่วนในชุมชน/หมู่บ้านได้อย่าง
เพียงพอและทั่วถึง
2) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการให้นายอำเภอและปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ
สำรวจสภาพพื้นที่ของหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งรุนแรงที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน
ที่มีความรุนแรงสูงสุด โดยยึดจำนวนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนและความเป็นไปได้ของพื้นที่เพื่อนำน้ำใต้ดินขึ้นมา
บรรเทาปัญหาความเดือดร้อน ทั้งนี้ให้ประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ขุดเจาะบ่อบาดาลและบ่อน้ำตื้น ตลอดจนการเป่าล้างบ่อบาดาล สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้จังหวัด
ใช้จ่ายจากงบบริหารราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ( CEO ) หรือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3) ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
เพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดสรรน้ำ การผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนเก็บกักน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัด
ทั้งนี้ให้มีการบูรณาการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำ
แห่งชาติแต่งตั้งไว้ สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีการผันน้ำผ่านพื้นที่หลายจังหวัดให้หัวหน้าของหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล
รับผิดชอบเขื่อนและกำหนด แผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเป็นประธาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ดังกล่าวร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อรับทราบสถานการณ์และร่วมพิจารณาตัดสินใจวางแผนการจัดสรรน้ำ
การควบคุมการใช้น้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2549
4) การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งปี 2549 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ทุกจังหวัดจะต้องกำหนดมาตรการเพื่อเร่งรัดในการแก้ไขปัญหาและระดมการให้
ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัย โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชุมชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2549--จบ--