นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ถือเป็นมาตรการทางสังคมในการเสริมสร้างหลักประกัน ด้านการคุ้มครองต่อชีวิต-ร่างกายหรืออนามัยของประชาชนผู้ประสบภัยจากรถให้ได้รับการคุ้มครองดูแลและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยความสะดวก รวดเร็ว โดยไม่สร้างภาระให้กับผู้ประสบภัยในการต้องสำรองจ่าย
นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมถึงเป็นการลดขั้นตอนการเบิกจ่ายเงิน สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทกลางฯได้ร่วมกันพัฒนาระบบอิเลคทรอนิกส์เป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน ให้โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลตรงจากบริษัทประกันภัยได้โดยประชาชนที่ประสบภัยจากรถไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อน ภายใต้ชื่อ ระบบสินไหมอัตโนมัติ หรือ e-Claim เพื่อใช้ร่วมกันระหว่างโรงพยาบาล กับ บริษัทประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชนลงทะเบียนเข้าใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติจำนวนมากกว่า 1,917 แห่ง ทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและเพิ่มมาตรฐานการให้บริการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนด้านการจัดการสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. อย่างมีระบบ รวมถึงยกระดับการให้บริการด้านสินไหมทดแทนแก่ธุรกิจประกันวินาศภัยผ่านระบบ e-Claim อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้มีการจัดงาน พิธีมอบรางวัลผู้ใช้ระบบสินไหมอัตโนมัติดีเด่น หรือ e-Claim Awards ประจำปี 2013 ขึ้น โดยมีโรงพยาบาลและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ารับรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 122 รางวัล ประกอบด้วย โรงพยาบาล 64 รางวัล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 20 รางวัล เครือข่ายมูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย 20 รางวัล บริษัทประกันวินาศภัย 17 รางวัล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 รางวัล
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่าสำนักงาน คปภ. โดยสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย หรือ สำนักงาน คปภ. ทุกจังหวัด ก็ใช้ระบบ e-Claim นี้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้ระบบ e-Claim เป็นระบบมาตรฐานการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยเข้าสู่ระบบ e-Claim แล้ว 45 บริษัท ทั้งนี้ ในอนาคต เมื่อระบบสินไหมอัตโนมัติมีความพร้อมมากขึ้น ก็จะมีการขยายขอบเขตการให้บริการสนับสนุนการดำเนินงานด้านอื่นของทุกบริษัทประกันภัยที่นอกเหนือ การประกันภัย พ.ร.บ. โดยอาจมีการขยายระบบให้รองรับการประกันสุขภาพ การประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ หรือการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ต่อไป
ด้านนายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มีภารกิจในการสนับสนุนชุดปฏิบัติการฉุกเฉินที่มีศักยภาพ ให้การช่วยเหลือประชาชนที่มีภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน ให้ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม นำส่งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพจนพ้นภาวะวิกฤติ ผ่านสายด่วน 1669 แต่ปัจจุบันพบว่าประชาชนที่ประสบภัยจากรถจำนวนมากไม่ได้รับการชดเชย ค่ารักษาพยาบาลและสิทธิประโยชน์อื่นๆ เนื่องจากไม่มีข้อมูลเพียงพอในการเบิกจ่าย ซึ่งระบบสารสนเทศการแพทย์ฉุกเฉิน (ITEMS) ได้รับข้อมูลตรงจากชุดปฏิบัติการที่ให้การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุโดยตรง มีระบบรายงานที่มีมาตรฐานและสามารถเชื่อมโยงกับระบบบริการสินไหมทดแทน (e- Claim) สามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์ได้ทันที ทำให้ประชาชนผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือดูแลรักษาพยาบาลได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ทั้งการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลหรือการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ณ ที่เกิดเหตุ อันเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้ซึ่งทำประกัน พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและประชาชน ผู้ประสบเหตุ ดังนั้นจากการประสานความร่วมมือระหว่างสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดและสมาคมประกันวินาศภัยไทยจึงได้บูรณาการศักยภาพและบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถและประชาชนผู้ประสบเหตุได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มการเข้าถึงบริการสิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และเพิ่มคุณภาพของการให้บริการผู้ประสบภัยจากรถและประชาชนผู้ประสบเหตุ
ที่มา: http://www.oic.or.th