คปภ. จุดประกายประกันภัยบริหารความเสี่ยง “ศัลยแพทย์” เซ็น MOU ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยสร้างภูมิคุ้มกันบุคลากรทางการแพทย์

ข่าวทั่วไป Monday May 16, 2016 13:46 —คปภ.

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมและหารือร่วมกันระหว่างราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคปภ. เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยใดบ้างที่จะสามารถเข้าไปคุ้มครองความเสี่ยงให้กับศัลยแพทย์หากถูกผู้ป่วยหรือญาติของผู้ป่วยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการรักษาพยาบาล เนื่องจากศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ที่เป็นสมาชิกของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ยังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทั้งนี้จากการหารือดังกล่าว สำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นความสำคัญที่จะต้องเร่งให้ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านประกันภัยให้กับศัลยแพทย์ที่เป็นสมาชิกของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความมั่นใจว่าการประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์นั้นสามารถบริหารความเสี่ยงได้ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัย

เพื่อให้การดำเนินการข้างต้นเกิดประสิทธิภาพจึงเป็นที่มาของการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมความรู้และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยระหว่างสำนักงานคปภ.กับราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย โดยในวันนี้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ MOU ระหว่าง ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กับ พล.อ.นพ.ปริญญา ทวีชัยการ ประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย บรรยายให้ความรู้แก่บุคลากรของสำนักงานคปภ.ในหัวข้อ “ทำอย่างไร...ห่างไกลโรค” อีกด้วย

สำหรับบันทึกความเข้าใจดังกล่าว สำนักงาน คปภ. จะให้ความรู้และความเข้าใจตลอดจนคำปรึกษาแนะนำด้านการประกันภัยและสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการประกันภัยให้กับสมาชิกบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยให้สามารถเข้าถึงประกันภัยและใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง ในส่วนของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยก็จะให้ความรู้ด้านการแพทย์และความรู้เกี่ยวกับแนวทางการดูแลสุขภาพที่ดีให้กับพนักงานของคปภ.เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับบุคลากรของทั้งสอง หน่วยงาน ดังนั้นจึงนับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่นำระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงในการประกอบวิชาชีพศัลยแพทย์อย่างเป็นระบบและครบวงจรเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ดร.สุทธิพล กล่าวอีกว่า การบริหารความเสี่ยงจากการประกอบวิชาชีพต่างๆด้วยระบบประกันภัยนั้นถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งกับบุคคลที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในแต่ละครั้งมีมูลค่าสูงมากทำให้ต้องรับภาระชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งๆที่มีความตั้งใจให้การปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ แต่บางกรณีซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนการตัดสินใจให้การรักษาพยาบาลเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยต้องแข่งกับ เวลาอย่างเร่งด่วนอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการรักษาขึ้นได้ รวมทั้งการผ่าตัดหรือศัลยกรรมเสริมความงามอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็เป็นไปได้จึงทำให้กลุ่มศัลยแพทย์เกิดความกังวลว่าหากเกิดความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ขึ้นมาอาจจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ที่อยู่ในสังกัดโรงพยาบาลของรัฐจะมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาลของเอกชน เนื่องจากสวัสดิการที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ศัลยแพทย์เก่งๆที่ได้รับทุนจากรัฐบาลเมื่อทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐหมดแล้วจึงย้ายไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชนกันเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นหากมีกรมธรรม์ประกันภัยที่เข้าไปบริหารความเสี่ยงให้กับศัลยแพทย์ในจุดนี้ได้ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับศัลยแพทย์ได้ในระดับหนึ่งด้วย สำนักงานคปภ.จะได้หารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยถึงความเป็นไปได้ในการจัดให้มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยความรับผิดผู้ประกอบวิชาชีพสำหรับศัลยแพทย์เป็นการเฉพาะจึงนับเป็นก้าวแรกในการนำประกันภัยมาใช้ในการพัฒนาวงการแพทย์ด้านบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบทั้งนี้เพื่อทำให้ศัลยแพทย์เกิดความเชื่อมั่นในวิชาชีพในขณะเดียวกันผู้ป่วยก็มีความมั่นใจว่าจะได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่เกิด ขึ้นจากความผิดพลาดในการรักษาพยาบาลอีกด้วย

“การที่นำประกันภัยเข้าไปเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อบริหารความเสี่ยงให้กับศัลยแพทย์ครั้งนี้ถือเป็นการจุดประกายให้วงการแพทย์เกิดความตื่นตัวเกี่ยวกับการทำประกันภัยและคปภ.จะทำการขยายผลด้วยการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยเพื่อให้ความคุ้มครองแพทย์กลุ่มอื่นๆต่อไป เช่น ทันตแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์ รวมไปถึงกลุ่มแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้ระบบประกันภัยในการยกระดับสาธารณสุขของประเทศไทยอีกทางหนึ่งด้วย” ดร.สุทธิพล กล่าวในที่สุด

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ