ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชน กรณีที่มีอดีตตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิต แห่งหนึ่ง ได้ถูกพนักงานสอบสวนจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรมผู้เอาประกันชีวิตเพื่อหวังประโยชน์จากเงินเอาประกันชีวิต รายละเอียดปรากฏตามข่าวไปแล้วนั้น
สำนักงาน คปภ. ได้ติดตามกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข่าวดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัยได้ ซึ่งในเบื้องต้น สำนักงาน คปภ. ขอชี้แจงในหลักการของกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวว่า ตามบทบัญญัติของกฎหมาย หากเป็นกรณีที่ผู้รับประโยชน์คนใดได้ฆ่าหรือ มีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่าผู้เอาประกันชีวิต บริษัทผู้รับประกันชีวิตไม่ต้องรับผิดในการจ่ายเงินเอาประกันให้แก่ผู้รับประโยชน์คนนั้น จึงเห็นได้ว่าตามหลักของกฎหมายได้กำหนดเป็นมาตรการในการป้องกันการฆาตกรรมเพื่อหวังประโยชน์จากเงินเอาประกันชีวิตไว้แล้ว
ดังนั้น ในการทำประกันชีวิตผู้เอาประกันชีวิตควรให้ผู้ที่เป็นเครือญาติใกล้ชิดกับ ผู้เอาประกันชีวิตเป็นผู้รับประโยชน์ ถึงแม้กฎหมายไม่ได้ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้รับประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติ ทุกบริษัทจะเคร่งครัดในการพิจารณาตัวผู้รับประโยชน์ โดยควรจะต้องเป็นเครือญาติใกล้ชิดกับผู้เอาประกันชีวิต ได้แก่ บิดา มารดา บุตร หรือ คู่สมรส ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดการทุจริตหรือมีการประทุษร้ายผู้เอาประกันชีวิตเพื่อหวังเงินเอาประกันชีวิต
ในส่วนของการกำกับดูแลตัวแทน/นายหน้าประกันภัยนั้น กฎหมายว่าด้วยการประกันภัยได้มีมาตรการในการกำกับดูแลการดำเนินงานของบุคคลดังกล่าวไว้อย่างเข้มงวด เริ่มตั้งแต่การสอบขอรับใบอนุญาตการเป็นตัวแทน/นายหน้า และการขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องผ่านการอบรมและทดสอบความรู้ตามหลักสูตรที่กำหนด นอกจากนั้นในส่วนของบริษัทประกันภัยก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแลตัวแทนให้มีการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในจรรยาบรรณของตัวแทนอีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งหากปรากฏว่าตัวแทนได้มีการกระทำความผิดหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือประชาชน ก็จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เช่น ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ถูกเปรียบเทียบปรับ และอาจถูกลงโทษจำคุก และหากปรากฏว่ามีการกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายอื่นก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามบทบัญญัติของกฎหมายนั้นๆ อีกด้วย
ที่มา: http://www.oic.or.th