ปส. ผลักดันแก้กฎหมาย ลดขีดจำกัดการรับรังสีของผู้ปฏิบัติงานเพื่อลดผลกระทบต่อการเกิดต้อกระจก

ข่าวทั่วไป Tuesday October 28, 2014 16:41 —สำนักโฆษก

สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่งทบทวนแก้ไขกฎหมาย หลัง IAEA ปรับปรุงขีดจำกัดการได้รับปริมาณรังสีของผู้ปฏิบัติงานต่อเลนส์ตาจาก ๑๕๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี ลงเหลือ 20 มิลลิซีเวิร์ตต่อปี เหตุเพราะพบผลงานวิจัยสนับสนุนการได้รับปริมาณรังสี ๑๕๐ มิลลิซีเวิร์ต อาจส่งผลให้เกิดต้อกระจกที่เลนส์ตาได้

ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เปิดเผยว่า การนำรังสีมาใช้ประโยชน์จะต้องมีการประเมิน และควบคุมไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไปได้รับรังสีเกินขีดจำกัดของการได้รับรังสี ตามที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA กำหนดไว้ ซึ่งเดิมขีดจำกัดการได้รับรังสีของเลนส์ตา สำหรับผู้ปฏิบัติงานต้องไม่เกิน ๑๕๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยล่าสุด IAEA ได้จัดประชุมปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวกับการได้รับรังสี เนื่องจากได้รับข้อมูลจากผลการวิจัยเกี่ยวกับปฏิกิริยาของผลกระทบของรังสีต่อเนื้อเยื่อ และได้มีข้อเสนอให้ลดขีดจำกัดการได้รับรังสี (ปริมาณรังสีสมมูล) สำหรับเลนส์ตา ซึ่งต่อมา IAEA ได้มีข้อสรุปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ หลังจากการปรึกษาหารือของประเทศสมาชิก ให้ปรับลดค่าขีดจำกัดการได้รับรังสีที่เลนส์ตา ต้องไม่เกิน ๒๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยเฉลี่ยในช่วงห้าปีติดต่อกันโดยแต่ละปีต้องไม่ได้รับรังสีเกิน ๕๐ มิลลิซีเวิร์ต และตลอดในช่วงห้าปีติดต่อกันนั้นต้องไม่ได้รับรังสีเกิน ๑๐๐ มิลลิซีเวิร์ต สำหรับการตรวจวัดปริมาณรังสีที่เลนส์ตาได้รับ ทำได้โดยใช้เครื่องวัดรังสีประจำตัวบุคคลสำหรับเลนส์ตา

“อย่างไรก็ตาม พบว่า หลายประเทศได้นำเอามาตรฐานของ IAEA ฉบับแก้ไขดังกล่าวมาใช้ โดยออกเป็นกฎระเบียบของประเทศนั้นๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ซึ่งการจัดทำมาตรฐานยังสามารถทำร่วมกันได้ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยกับผู้ประกอบการ ฉะนั้น กรณีการปรับลดขีดจำกัดนี้ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ อยู่ระหว่างการนำมาพิจารณา ทบทวน กฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ IAEA ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ รวมทั้ง ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย” ดร.อัจฉรา กล่าว

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ