ไทยสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯในภูมิภาค ในการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ข่าวทั่วไป Thursday November 13, 2014 14:18 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน- สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ร่วมกับผู้นำชาติอาเซียน เลขาธิการอาเซียน และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

วันนี้ (13 พ.ย.57) เวลา 11.45 น. ณ ห้อง Emerald Hall ชั้น 2 ศูนย์การประชุมนานาชาติเมียนมา (MICC) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน- สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ร่วมกับผู้นำชาติอาเซียน เลขาธิการอาเซียน และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมครั้งนี้ จะทบทวนพัฒนาการความร่วมมือ และกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งภายหลังการประชุม ผู้นำได้ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (ASEAN – U.S. Joint Statement on Climate Change)

ภายหลังการเข้าร่วมการประชุม ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเข้าร่วมการประชุมของประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับอาเซียนและภูมิภาคนี้อย่างยิ่ง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาเซียนและสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง ไทยเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของสหรัฐฯ และเห็นถึงความสำคัญของบทบาทของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพและเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ไทยสนับสนุนการเข้ามามีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ เห็นความสำคัญถึงบทบาทอันเป็นแกนกลางของอาเซียนในการเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ไทยมองว่า บทบาทของสหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคนี้ รวมทั้ง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความมั่นคงที่ดีและเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาค ดังนั้น บทบาทของสหรัฐฯ จะต้องมีความสร้างสรรค์และยั่งยืน เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาคในทุกมิติ

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอข้อคิดเห็นบางประการ ดังนี้

ประการแรก ความมั่นคงของภูมิภาคจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า สหรัฐฯ สามารถมีบทบาทในการช่วยยกระดับการพัฒนาของประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงการลดช่องว่างด้านการพัฒนา โดยอาจเน้นการพัฒนาภาคเกษตร ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจอาเซียน แต่ภาคเกษตรยังไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควรจากการเปิดเสรีและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ดังนั้น จึงจำเป็นที่เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเกษตร โดยการเปิดตลาดส่งออก การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร การแบ่งปันองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาเกษตรกรรมให้มีผลผลิตเพียงพอและเกษตรกรได้รับรายได้ที่เป็นธรรม

นอกจากนี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีบทบาทสำคัญหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งยังต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี การบริหารจัดการธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ การเรียนรู้วิธีการดำเนินการ (know how)

ประการที่สอง นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เราสามารถขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ปัจจุบัน เราต่างเผชิญกับปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ และประเด็นท้าทายข้ามชาติ อาทิ การค้ามนุษย์ การลักลอบค้าสัตว์ป่า อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ความมั่นคงทางทะเล ภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยไทยและอาเซียนพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นเหล่านี้

นอกจากนี้ การจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์เป็นประเด็นที่ต้องร่วมดำเนินการ ไทยจึงสนับสนุนความร่วมมือกับอาเซียนและประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสารเพื่อจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ให้มีผลสำเร็จ สหรัฐฯ สามารถเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของอาเซียน ผ่านสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศต่างๆ

สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ไทยยินดีต่อบทบาทนำของประธานาธิบดีโอบามาในการผลักดันความร่วมมือเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยจึงสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และหวังว่า อาเซียนและสหรัฐฯ จะสามารถร่วมกันจัดการความท้าทายนี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งผลกระทบประการหนึ่ง คือ การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในภูมิภาค อาเซียนจึงต้องเตรียมความพร้อมและมีการวางระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและจัดการกับภัยพิบัติ และสนับสนุนการจัดการประชุม Third UN World Conference on Disaster Risk Reduction ที่เซ็นไดในปีหน้า

นอกจากนี้ ประเด็นท้าทายจากโรคระบาดเป็นประเด็นที่อาเซียนและสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญด้วย ไทยสนับสนุนการมีความร่วมมือแก้ไขปัญหาทั้งในเวทีระดับโลกและระดับภูมิภาค ในส่วนของการแพร่ระบาดของอีโบลา ไทยสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 9 ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาค และได้เสนอเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 สมัยพิเศษ ในเดือนธันวาคม 2557 เพื่อสนับสนุนความพยายามในการเตรียมความพร้อมและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของอีโบลาในระดับภูมิภาค

ประเด็นสุดท้าย ไทยร่วมกับอาเซียนเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน

โดยไทยยินดีที่โครงการผู้นำเยาวชนแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประธานาธิบดีโอบามา ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างเยาวชนของสองฝ่ายไทยสนับสนุนให้สหรัฐฯ ขยายบทบาทในการริเริ่มและดำเนินโครงการด้านการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเสริมสร้างประชาคมที่แข็งแกร่งของอาเซียน ทั้งในปัจจุบันและภายหลังปี 2558

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ