นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัลอุตสาหกรรม ปี 57 พร้อมเดินหน้าประเทศและส่งเสริมการลงทุน

ข่าวทั่วไป Wednesday November 26, 2014 16:00 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัลอุตสาหกรรมประจำปี 2557 แก่ผู้ประกอบการ พร้อมยืนยันรัฐบาลจะเดินหน้าประเทศ ลดความขัดแย้ง เร่งสร้างความสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมกับภาคเกษตร

วันนี้ (26 พ.ย. 57) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2557 จัดโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและผู้มีเกียรติประมาณ 500 คน ในครั้งนี้

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ ว่า การมอบรางวัลอุตสาหกรรม เป็นกิจกรรมที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญและจัดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจและเป็นแบบอย่างแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความคิดริเริ่ม และมีความอุตสาหะ วิริยะ ในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ การพัฒนานวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับผู้ประกอบการ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมและอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2557 ในด้านต่าง ๆ ที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับรางวัล พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โดยภาคอุตสาหกรรมมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดูแลรายได้ของประเทศ และต้องมีการพัฒนาปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์โลก ความเชื่อมโยงต่าง ๆ ทั้งหมดในประชาคมโลก ดังนั้น ต้องนำจุดเด่นของแต่ละอุตสาหกรรมและสร้างทิศทางแบรนด์ของประเทศ ซึ่งประเทศไทยต้องสร้างความสมดุลระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเล็กและมีทรัพยากรน้อยอย่างจำกัด และถูกกำหนดด้วยกลไกต่าง ๆ ในการทำงานด้วยการบริหารประเทศ ซึ่งได้มีข้อจำกัดและข้อผูกพันทางการค้าต่าง ๆ จากประเทศส่วนใหญ่เกือบทั้งนั้น ต่อจากนี้ประเทศไทยจะต้องเป็นผู้กำหนดกรอบในระดับอาเซียนและรวมตัวกับอาเซียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยรัฐบาลจะเดินหน้าประเทศและลดความขัดแย้งและสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้การเจรจาการค้าการลงทุนต่างๆ จะต้องมีคำว่า Blue Economy Green Energy และ Connectivity ทั้งหมดจะต้องมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อเนื่องเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศ และเชื่อมต่อจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการลงทุนในการค้าต่าง ๆ และมีการปรับปรุงให้เข้มแข็งทั้งในด้านการผลิต การลงทุน จากตลาดทุนเป็นกองทุน ซึ่งขณะกำลังมีการแก้กฎหมาย ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยการปรับปรุงกฎหมายให้รองรับและดึงดูดต่างชาติ ให้เข้ามาจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ด้วยการลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกการออกใบอนุญาตให้นักลงทุน และเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านพลังงานทดแทน ด้านอาหารโลก และต้องการให้อาเซียนเป็นแหล่งอาหารโลก ดังนั้น หลายบริษัทที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันทั้งเรื่องการแปรรูปและการเพิ่มมูลค่า แต่มีสิ่งที่น่าห่วงคือ ถ้าข้าวยังราคาผลผลิตต่ำ ชาวนาก็จะออกจากวงจรการเกษตรจะไม่ทำนา วันข้างหน้าจะไม่มีคนผลิต ประเทศไทยจะไม่มีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับประเทศอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ จากที่ประชุมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและยุโรปได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง SMEs ซึ่งภายหลังที่กลับมาจากที่ประชุมฯ ได้มีการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถึงการร่วมมือกันที่อย่างน้อยจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรก่อน ทั้งนี้ทุกรัฐบาลในอาเซียนต้องรู้ว่าประเทศของตนต้องการอะไรและช่วยเหลือภาคเอกชน โดยจะต้องสร้างความโปร่งใสในการดำเนินการ พร้อมยืนยันว่าการยึดอำนาจเข้ามาไม่ได้จะยึดทรัพย์ใครเพียงแต่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ขอให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ด้วยการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี แต่ลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์แล้วจำหน่ายในราคาถูกช่วงปีใหม่ โดยให้น้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย ไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติอย่างรอบคอบ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การดำเนินงานในด้านการบริหารจัดการอุตสาหกรรมว่า รัฐและเอกชนจะต้องทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ต้องมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันภายในประเทศและประชาคมโลก ซึ่งขณะนี้ได้มีการเชื่อมโยงเส้นทางถนน รถไฟ ที่จะมาทางภาคอีสาน 5 เขต และในปีหน้าจะเพิ่มอีก 6-7 เขต รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่าย การคมนาคมขนส่งบริเวณประตูการค้าหลักของประเทศเพื่อรองรับการเชื่อมโยงกระบวนการผลิตและการลงทุนข้ามแดน ซึ่งจะทำให้เพิ่มมูลค่าการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนไปเปิดกิจการด้านอาหาร นวดแผนโบราณ ฯลฯ ที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย รัฐบาลยินดีสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของเอกชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพร้อมที่จะให้เข้าไปลงทุนในพื้นที่ทหาร ส่วนในเรื่องความเชื่อมั่นนั้น นักลงทุนขณะนี้มีความเชื่อมั่นรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น

สำหรับรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2557 มีผู้ประกอบการได้รับการคัดเลือกพิจารณาเข้ารับรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 32 ราย กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดให้มีรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ บริษัทซีพีแรม (จำกัด) และรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 7 ประเภทรางวัล จำนวน 31 รางวัล ได้แก่ 1) ประเภทเพิ่มผลผลิต จำนวน 3 ราย 2) ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำนวน 3 ราย 3) ประเภทการบริหารความปลอดภัย จำนวน 6 ราย 4) ประเภทการบริหารงานคุณภาพ จำนวน 5 ราย 5) ประเภทการจัดการพลังงาน จำนวน 5 ราย 6) ประเภทการบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลาง (5 ราย) และขนาดย่อม (3 ราย) จำนวน 8 ราย และ 7) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์ จำนวน 1 ราย

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ชมพูนุท / รายงาน

วิมลมาส/ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ