กระทรวงวิทย์ฯ ถกสถาบันดาราศาสตร์เกาหลีเตรียมร่วมมือตั้งเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุครั้งแรกในไทย เชื่อมเครือข่ายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ข่าวทั่วไป Thursday January 22, 2015 16:50 —สำนักโฆษก

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำผู้บริหารสถาบันดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์อวกาศเกาหลี เข้าพบ ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเตรียมร่วมมือตั้งเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุในไทย หวังเชื่อมเครือข่ายกับเอเชียตะวันออกเพื่อร่วมสังเกตการณ์กับเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุทั่วโลก

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ในโอกาสเดินทางเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการ สดร. และ ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร. และนักวิจัย สดร. มีโอกาสต้อนรับและหารือกับผู้บริหาร สถาบันดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์อวกาศเกาหลี (Korean Astronomy and Space Science : KASI) นำโดย ดร. อินวู ฮาน ผู้อำนวยการ และ ดร. ยัง โชล มีน ผู้เขี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์วิทยุ ในประเด็นความร่วมมือจัดตั้งเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุในประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมกับเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุของสาธารณรัฐเกาหลี (Korean VLBI Network: KVN) และเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออก (East Asia VLBI Network)

ดร. พิเชฐ กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พยายามที่จะประชาสัมพันธ์เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นหน่ออ่อนไปสู่นักวิทยาศาสตร์ในอนาคต ในส่วนของ สดร. เองก็ดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านดาราศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง มีเครือข่ายความร่วมมือและสนับสนุนด้านดาราศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านดาราศาสตร์เพื่อเผยแพร่ความรู้ สร้างความตระหนักทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคม ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดาราศาสตร์ตลอดจนการพัฒนากำลังคนทางด้านดาราศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม ความร่วมมือทางด้านดาราศาสตร์วิทยุกับสาธารณรัฐเกาหลี ที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ จึงมีความสำคัญมาก เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน หากแล้วเสร็จจะสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุทั้งในแภบภูมิภาคเอเชียตะวันออก และทวีปออสเตรเลีย กลายเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ด้าน รศ. บุญรักษา กล่าวว่า ไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี มีความร่วมมือทางด้านดาราศาสตร์มากว่า 7 ปีแล้ว โดย สดร. ได้ลงนามความร่วมมือด้านดาราศาสตร์ กับ KASI มาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 หลังจากนั้นได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานของทั้ง 2 องค์กร มีกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่องหลายโครงการ ทั้งการวิจัยร่วมกัน

จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงการให้ทุนนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่ KASI และการศึกษาดูงานด้านดาราศาสตร์ที่เกาหลีของเยาวชนไทยอีกด้วย

รศ. บุญรักษา กล่าวเพิ่มเติมว่า สดร. มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาทางด้านดาราศาสตร์วิทยุ โดยจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักทางด้านดาราศาสตร์วิทยุ ได้แก่ กล้องโทรทรรศน์วิทยุ ซึ่งทำหน้าที่รับคลื่นวิทยุที่แผ่ออกมาจากวัตถุท้องฟ้าชนิดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ได้ข้อมูลที่สำคัญสนับสนุนข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ของ สดร. ด้วย “การพัฒนาทางด้านดาราศาสตร์วิทยุในประเทศไทยมีความสำคัญมาก เนื่องจากประเทศที่พัฒนาด้านดาราศาสตร์จนมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฯลฯ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทางด้านดาราศาสตร์วิทยุเป็นจำนวนมาก และใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุเหล่านั้นร่วมกัน เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ เท่ากับพื้นที่ของหลาย ๆ ประเทศรวมกัน ทำให้เกิดศักยภาพสูงสุดในการศึกษาวัตถุท้องฟ้าในช่วงคลื่นวิทยุ” ผสดร. กล่าว

กล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ซึ่งตั้งอยู่ ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ใช้สังเกตการณ์ในช่วงคลื่นแสง โดยเป็นกล้องโทรทรรศน์ระดับมาตรฐานโลก สามารถใช้ประโยชน์ในการศึกษาและวิจัยทางด้านดาราศาสตร์ นอกจากนี้ยังนำมาใช้การสร้างความตระหนัก สนับสนุนการศึกษาและวิจัยอย่างกว้างขวาง แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ทั่วประเทศไทยแต่การสังเกตการณ์ช่วงคลื่นแสงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อยู่ในช่วงที่ตาของมนุษย์เราสามารถมองเห็นได้เท่านั้น ดาวและวัตถุท้องฟ้าต่าง ๆ ในเอกภพ ยังแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วงอื่น ๆ ออกมาด้วย ได้แก่ คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นอินฟราเรด ซึ่งมีพลังงานต่ำกว่าแสง และรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอ็กซ์ รังสีแกมมา ซึ่งมีพลังงานสูงกว่าแสงตามลำดับ นับว่าเป็นโชคดีที่ชั้นบรรยากาศโลก ป้องกันมิให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูงดังกล่าวซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตแผ่มาสู่พื้นโลกได้ ส่วนคลื่นวิทยุและคลื่นไมโครเวฟ นั้นสามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศโลกเข้ามาได้ โดยไม่ถูกเมฆในชั้นบรรยากาศบดบัง เหมือนกับในช่วงคลื่นแสง นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตคลื่นวิทยุได้ ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยไม่ถูกรบกวนจากแสงของดวงอาทิตย์ ดังนั้นคลื่นวิทยุจึงมีประโยชน์ต่อนักดาราศาสตร์อย่างกว้างขวาง โดยสามารถศึกษาถึงวัตถุอื่น ๆ มากมายที่ไม่สามารถสังเกตได้ในช่วงคลื่นแสง แต่เป็นองค์ความรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งทางดาราศาสตร์

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

โทร. 053-225569 ต่อ 210, 081-8854353 โทรสาร 053-225524

Call Center กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โทร.1313

E-mail: pr@narit.or.th

www.narit.or.th; www.facebook.com/NARITpage

twitter: @N_Earth

เผยแพร่ข่าวโดย : นางสาวนีรนุช ตามศักดิ์

กลุ่มงานประชาสัมพันธ์สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834

e-mail : pr@most.go.th

Facebook : sciencethailand

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ