ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักเกณฑ์การสอบศึกษานิเทศก์ และการรับโอนพนักงานส่วนท้องถิ่น

ข่าวทั่วไป Monday February 9, 2015 17:56 —สำนักโฆษก

ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 2/2558 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งมีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสอบคัดเลือกศึกษานิเทศก์ สพฐ. และการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

เห็นชอบหลักการในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ.เห็นชอบหลักการในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัด สพฐ. โดยมีหลักการสำคัญ ดังนี้

1. ผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.1 เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

1.2 มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ. กำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งศึกษานิเทศก์

1.3 ดำรงตำแหน่งครูมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี และ 2 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโทขึ้นไป หรือ

1.4 ดำรงตำแหน่งอื่นที่ ก.ค.ศ. เทียบเท่า ดังนี้ เคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ 1 ไม่น้อยกว่า 6 ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี และไม่น้อยกว่า 4 ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาโทขึ้นไป หรือเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอาจารย์ 2 รับเงินเดือนในระดับ 6

1.5 มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น (ศึกษานิเทศก์)

2. การออกข้อสอบ การกำหนดองค์ประกอบการประเมิน ตัวชี้วัด และคะแนนการประเมิน ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการออกข้อสอบภาค ก ความรู้ทั่วไปและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และกำหนดองค์ประกอบการประเมิน ตัวชี้วัด และคะแนนการประเมิน ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง และให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการออกข้อสอบภาค ข ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง

3. การดำเนินการคัดเลือก ให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบภาค ก ภาค ข และประเมิน ภาค ค ตามหลักสูตรที่ ก.ค.ศ. กำหนด รวมทั้งประมวลผลการสอบ

4. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้กำหนดวันและเวลาในการคัดเลือก

5. ผู้ผ่านการคัดเลือกต้องได้คะแนนในแต่ละภาคไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

6. ขึ้นบัญชีผู้ผ่านการคัดเลือก 2 ปี นับแต่วันประกาศขึ้นบัญชี เว้นแต่มีการประกาศขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกครั้งใหม่แล้ว บัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกครั้งก่อนเป็นอันยกเลิก

เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่น มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู

นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ. เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โดยมีหลักการที่สำคัญดังนี้

1. รับโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู เท่านั้น

2. การรับโอนต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้หรือผู้ได้รับการคัดเลือกรอการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย ในกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอกที่จะรับโอนในเขตพื้นที่การศึกษานั้น หรือเขตพื้นที่การศึกษาอื่น หรือบัญชีของส่วนราชการ แล้วแต่กรณี

3. ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

3.1 มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547

3.2 มีอายุไม่เกิน 50 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร

3.3 มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ ก.ค.ศ. รับรองและกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง

3.4 มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ยังไม่หมดอายุ

3.5 ต้องเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นหรือข้าราชการอื่น ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญา โดยผลการสอบแข่งขัน

3.6 ปัจจุบันต้องดำรงตำแหน่งสายงานการสอน สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานนิเทศการศึกษา ตำแหน่งประเภทวิชาการ และข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ชั้นยศไม่ต่ำกว่าสัญญาบัตรอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร

3.7 มีประสบการณ์การสอนหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอน มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีภาระงานการสอนขั้นต่ำตามที่ส่วนราชการที่รับโอนกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ.

3.8 ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำในอันดับของตำแหน่งที่รับโอน

3.9 ไม่อยู่ในระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ หรือไม่เคยกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณวิชาชีพ

3.10 ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาหรือไม่เคยถูกลงโทษทางอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

3.11 ไม่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย

4. ผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอน จากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการหรือหน่วยงานต้นสังกัดก่อน

5. สถานศึกษาที่จะรับโอน ต้องมีจำนวนตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด

6. ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการ โดยอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้งแล้วแต่กรณี เป็นผู้ดำเนินการรับโอน โดยประกาศรับสมัคร

7. ผู้ขอโอนต้องผ่านการประเมินความรู้ ความสามารถและความเหมาะสม ดังนี้

7.1 ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา การวัดและประเมินผลการศึกษา และความรู้อื่นตามความเหมาะสม โดยการสอบข้อเขียน

7.2 ประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้ในสาขาวิชาเอก โดยการสอบข้อเขียนและสอบภาคปฏิบัติ

7.3 ประเมินความเหมาะสม โดยพิจารณาจากประสบการณ์ ประวัติการรับราชการ ประวัติการศึกษา การมีวินัย การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี บุคลิกภาพ เจตคติในการประกอบวิชาชีพครู ผลการปฏิบัติงานและเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสัมภาษณ์

8. ผู้ผ่านการประเมินต้องได้คะแนนแต่ละข้อไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการประเมินเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างที่ประกาศรับโอน

9. ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้โอนจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่รับโอน ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ออกคำสั่งรับโอน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ผู้รับโอนอาจยกเลิกการรับโอนได้

10. ผู้ที่ได้รับการโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ต้องเข้ารับการพัฒนา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม รมว.ศึกษาธิการได้มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีแก่ นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารองค์กรใน ก.ค.ศ. และ ดร.ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน” พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณที่ทั้งสองท่านได้ช่วยงานด้านการศึกษา และ ก.ค.ศ.อย่างดีมาโดยตลอด ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จในการหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ และจะคอยเป็นกำลังใจให้ต่อไป

ภาพ สถาพร ถาวรสุข

ดรุวรรณ บุญมาก - นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ