พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ด้านแรงงาน (กนร.) ครั้งที่ 1/2558 ณ ห้องประชุมสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง การจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามที่ลักลอบทำงาน จดทะเบียนเฉพาะแรงงานเวียดนามที่ถือหนังสือเดินทางและเข้าเมืองถูกกฎหมายครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 แต่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว กำหนดให้แรงงานเวียดนามมารายงานตัวเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพ และขออนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ระยอง นครพนม หนองคาย สงขาล และจังหวัดอื่นๆ ตามที่เห็นสมควร ระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน โดยแรงงานเวียดนามจะได้รับการผ่อนผันให้อยู่และอนุญาตให้ทำงานได้เป็นเวลา 1 ปี เฉพาะในงานบ้าน งานกรรมกรในกิจการก่อสร้าง พร้อมทั้งเห็นชอบให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเวียดนามเพื่อจัดทำ MOU ในกิจการประมงและก่อสร้าง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดระบบการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล ตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 ประกอบด้วย ให้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดท้องที่ สัญชาติ ประเภทหรือลักษณะงาน ช่วงระยะเวลาหรือฤดูกาล หรือเงื่อนไขที่คนต่างด้าวอาจขอรับใบอนุญาตตาม มาตรา 14 กำหนดท้องที่ ตามความตกลงระหว่างรัฐบาล เมื่อปี 2546 และท้องที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ กำหนดสัญชาติ เมียนมา ลาว กัมพูชา และงานที่อนุญาตได้แก่ งานกรรมกร และงานรับใช้ในบ้าน กำหนดระยะเวลา ให้คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานสามารถเดินทางเข้ามาเพื่อทำงานได้ตลอดทั้งปี โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้เป็นไปตามความตกลงระหว่างรัฐ โดยให้สามารถเดินทางเข้า-ออกได้หลายครั้ง
สำหรับการตรวจสัญชาติแรงงานต่างด้าว เมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่จดทะเบียนไว้แล้ว จำนวน 1,626,235 คน มีการยื่นคำร้องของตรวจสัญชาติแล้วจำนวน 284,246 คน ตรวจเสร็จแล้ว 126,685 คน (ข้อมูล ณ 25 กุมภาพันธ์ 2558) นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการจัดระบบต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา หลังวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒558 โดยจัดแบ่งแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนไว้แล้ว เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ตรวจสัญชาติเสร็จแล้ว ภายใน 31 มีนาคม 2558 จะได้รับการตรวจลงตราและได้รับอนุญาตทำงาน จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 เนื่องเป็นแรงงานที่ปฏิบัติตามประกาศของ คสช. ครบทุกขั้นตอนภายในเวลาที่กำหนด จึงให้สามารถขออนุญาตทำงานต่อได้อีก 2 ปี หลังสิ้นสุดการอนุญาต 31 มีนาคม 2559 (ถึง 31 มีนาคม 2561) กลุ่มที่อยู่ระหว่างรอการตรวจสัญชาติ เป็นกลุ่มที่ยื่นแบบบัญชีรายชื่อเพื่อขอรับการตรวจสัญชาติ แต่ยังไม่สามารถเข้ารับการตรวจสัญชาติได้ จะผ่อนผันให้อยู่ได้เป็นการชั่วคราว และอนุญาตให้ทำงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 เมื่อผ่านการตรวจสัญชาติแล้วจะได้รับอนุญาตให้อยู่และอนุญาตให้ทำงานต่อไปอีก 2 ปี ดำเนินการ ณ ศูนย์ One Stop Service ทั่วประเทศ กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มที่ยังไม่ยื่นคำร้องขอตรวจสัญชาติ เป็นกลุ่มที่ไม่มารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่และขออนุญาตทำงานภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ให้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดในการตรวจสอบ ติดตาม จับกุม และผลักดันส่งกลับตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามคำสั่ง คสช. ที่ 100/2558 และ 101/2558 และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ติดตาม กำหนดให้ผู้ติดตามมารายงานตัวเพื่อขอรับบัตรใหม่พร้อมกับแรงงานต่างด้าว ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ผู้ติดตามที่มารายงานตัวจะมีสิทธิอยู่ได้เช่นเดียวกับแรงงานต่างด้าว
สำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเล ที่ประชุมเห็นควรกำหนดแนวทางเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นโดยการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในกิจกรรมประมงทะเล ให้มีการผ่อนผันตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ทั้งนี้ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้ายและให้นำแรงงานต่างด้าวไปทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพพร้อมซื้อประกันสุขภาพด้วย และขออนุญาตทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ณ ศูนย์ One Stop Service ในพื้นที่ 22 จังหวัด ชายทะเล โดยจะได้รับการผ่อนผันให้อยู่ได้เป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 และในระหว่างนี้อนุญาตให้ทำงานได้ และเมื่อแรงงานต่างด้าวผ่านการตรวจสัญชาติแล้ว จะได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อได้อีก 2 ปี นอกจากนี้ได้กำหนดให้มีการปรับปรุงบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างงาน(MOU) กับประเทศต้นทาง เรื่อง การเว้นระยะเวลาการจ้างงานของแรงงานต่างด้าวที่ครบกำหนด 4 ปี และต้องเว้นระยะเวลาการจ้างจากเดิม 3 ปี เหลือเว้นระยะเวลาเป็น 30 วัน เพื่อความต่อเนื่องของการทำงานและสอดคล้องกับระยะเวลาการเตรียมการจัดทำเอกสารเพื่อกลับเข้ามาทำงานใหม่ รวมทั้งแรงงานได้กลับไปเพื่อพักผ่อนอยู่กับครอบครัวหลังจากเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งแนวทางทั้ง 3 ประเด็นนี้กระทรวงแรงงานจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำไปสู่การปฏิบัติ
กระทรวงแรงงาน “บริการด้วยใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th