ประธานาธิบดีอินโดนีเซียรับข้อเสนอนายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) ด้านประมง

ข่าวทั่วไป Thursday April 23, 2015 10:04 —สำนักโฆษก

วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 2558) เวลา 0800 น. ณ Jakarta Convention Center (JCC) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายโจโค วิโดโด (Mr. Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชีย-แอฟริกา (Asian-African Leaders Summit) ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน 2558 เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ความร่วมมือกับอินโดนีเซีย ในการกำหนดวิสัยทัศน์ ความร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคีและภูมิภาค โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ร.อ. นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีกับอินโดนีเซียที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ฯ ในโอกาสครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งการประชุมเอเชีย-แอฟริกาในครั้งนี้ ไทยยืนยันที่จะร่วมมือกับอินโดนีเซียในการพัฒนาความสัมพันธ์รอบด้านในฐานะที่อินโดนีเซียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และไทยอันดับ 2 ของอาเซียน เพื่อประโยชน์ร่วมกันและของภูมิภาค นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณอินโดนีเซียสำหรับการประสานงานและให้ความช่วยเหลือในการอพยพคนไทยออกจากเยเมนด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซียเห็นพ้องจัดตั้งคณะทำงาน Working Group ด้านการประมง อินโดนีเซียมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงกิจการทะเลและประมงอินโดนีเซีย ซึ่งคณะทำงานฝ่ายไทยจะประกอบด้วยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อประสานความร่วมมือนการแก้ไขปัญหาและวางแนวทางความร่วมมือในระยะยาวต่อกัน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายในน่านน้ำต่างประเทศ โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งการแก้ปัญหาภาคประมงไทยในลักษณะองค์รวม ทั้งประเด็นแรงงานผิดกฎหมาย การต่อต้านการทำประมงแบบ IUU และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงระหว่างไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาด้านประมง และหวังว่าจะมีการลงนามกันโดยเร็ว

การพัฒนาการทางการเมืองของไทยนั้น รัฐบาลไทยกำลังดำเนินตามขั้นตอนที่ 2 ของโรดแมป โดยขอให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูป เพื่อความเข้มแข็งทางการเมืองและเศรษฐกิจ สำหรับ กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพื่อนำไปสู่การประกาศการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า สะท้อนให้เห็นการกลับมาเป็นประชาธิปไตของไทยอย่างยั่งยืน

สำหรับการส่งเสริมความร่วมมือการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ภาคเอกชนไทยมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย พร้อมที่จะขยายการลงทุนในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าอินโดนีเซียจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนอินโดนีเซียขยายการลงทุนในไทย เพื่อเพิ่มพูนปริมาณการลงทุนระหว่างสองประเทศในภาพรวม ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนไทยเข้ามาลงทุนในลาขาต่างๆ อาทิ อาหารแปรรูป การท่องเที่ยว พลังงาน โดยมีศูนย์ One Stop Linciencing Service

ทั้งนี้ ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารและสินค้าเกษตร ซึ่งไทยได้ขอให้อินโดนีเซียเร่งรัดจัดทำ MRA (Mutual Recognition Agreement) เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้การค้าระหว่างกันมีความคล่องตัว

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือพหุภาคีและภูมิภาคว่า ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับอินโดนีเซีย เพื่อเสริมสร้างประชาคมอาเซียนที่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ ทั้งไทยและอินโดนีเซียยังได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองด้านการก่อการร้ายและความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวคิดลัทธิสุดโต่ง เพื่อป้องกันการแพร่ขยายของภัยคุกคาม ซึ่งประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทย อินโดนีเซียและภูมิภาค ซึ่งไทยพร้อมที่จะพิจารณาข้อเสนอของอินโดนีเซียในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างไทยและอินโดนีเซีย เพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านการก่อการร้ายในภูมิภาคด้วย

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ