วันนี้ (27 เม.ย. 58) เวลา 11.15-11.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนรัฐสภาอาเซียน (ASEAN Inter-Parliament Assembly: AIPA) ณ ห้อง Conference Hall 3 ชั้น 3 อาคาร Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC)
การประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติของอาเซียนมีบทบาทในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยจะจัดขึ้นในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งแรกของแต่ละปี ผู้แทน AIPA ของไทยครั้งนี้ คือ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญของสมัชชารัฐสภาอาเซียน ในฐานะตัวเชื่อมระหว่างประชาชนในระดับรากหญ้ากับประชาคมอาเซียน และในฐานะผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประชาคมที่ตั้งอยู่ในกฎกติกาของประชาคมอาเซียน
ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนรัฐสภาอาเซียน - ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมัชชารัฐสภาอาเซียนเป็นหุ้นส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างประชาคมอาเซียนที่อยู่บนพื้นฐานของกฎกติกา ใน 2 ด้านสำคัญ
ประการแรก ในฐานะผู้แทนประชาชน สมัชชารัฐสภาอาเซียนสามารถช่วยสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และต้องอธิบายว่า ประชาชนเป็นศูนย์กลางหมายความว่าอย่างไร ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างประชาคมเพื่อให้อาเซียนสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง และยังสามารถเป็นสะพานเชื่อมอาเซียนกับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยหรือด้อยโอกาส เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและสามารถได้รับประโยชน์จากประชาคมอาเซียนอย่างเต็มที่
ประการที่สอง ในฐานะผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติ สมัชชารัฐสภาอาเซียนสามารถสนับสนุนให้รัฐสภาประเทศสมาชิกอาเซียนเร่งยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภายในที่สำคัญ เพื่อให้ความตกลงต่าง ๆ ในกรอบอาเซียนมีผลบังคับใช้อย่างรวดเร็วและทันการณ์ ตลอดจน สร้างความสอดคล้องทางกฎหมายระหว่างประเทศสมาชิกอันจะช่วยส่งเสริมการรวมตัวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติให้มีอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ และทำให้อาเซียนเป็นสิ่งที่จับต้องได้และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับสมัชชารัฐสภาอาเซียนในการสร้างประชาคมอาเซียน และโดยที่เป็นวาระของไทยในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชารัฐสภาอาเซียน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2559 ถึง 30 กันยายน 2562 โดยไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับสมัชชารัฐสภาอาเซียนต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th