วันนี้ (29 พ.ค. 58) เวลา 11.30 น. ณ บริเวณห้องโถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงทุนภาคเอกชน เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและการลงทุนเขตธุรกิจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพิเศษและการส่งเสริมการลงทุนพิเศษนั้น เป็นไปตามแนวทางของคณะกรรมการขับเคลื่อนโดยรัฐบาลตามยุทธศาสตร์เรื่องการค้าการลงทุน ทั้งในเขตการลงทุนเดิม และการขับเคลื่อนให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ใกล้ชายแดน ที่รัฐบาลกำหนดไว้แล้ว 6 แห่ง ซึ่งรายละเอียดปัญหานั้นมีหลายประการ เช่น การจัดหาที่ดิน การลงทุนร่วม ดังนั้นการกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ รัฐเป็นผู้ลงทุนผ่านนิคมอุตสาหกรรม และภาคเอกชนมาเช่าพื้นที่ของรัฐไปดำเนินการคู่ขนานเพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยการนำผลิตภัณฑ์ในพื้นที่มาแปรรูป และนำมาจำหน่าย หรือรับวัสดุต้นทุนมาจากต่างประเทศที่มีสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) โดยการนำเข้ามาเพื่อแปรรูปและขายต่อเพื่อสร้างความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งนี้ ทุกกิจการจะต้องดูแลผู้ประกอบการทั้ง 3 ระดับ คือ ธุรกิจระดับบน ธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจของชุมชน ของประชาชนในรูปแบบสหกรณ์
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ในระยะเวลาที่จำกัดรัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกอย่าง ขอให้ประชาชนมีความเข้าใจ โดยไม่ต้องการให้มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมกล่าวยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องการลงทุนด้านพลังงานเช่น แหล่งพลังงานใหม่ พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียนซึ่งล้วนแล้วแต่ยังเป็นปัญหาทั้งหมด รวมไปถึงการบริหารจัดการขยะที่ยังติดปัญหาเรื่องการยอมรับของประชาชน ต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่นๆ และในอนาคตประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการดูแลด้านสาธารณสุขมากขึ้น ภาระความรับผิดชอบของรัฐบาลก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้าไม่เริ่มดำเนินการเรื่องการลงทุนก็จะส่งผลกระทบต่อสวัสดิการเรื่องสาธารณสุขในอนาคต และการค้าการลงทุนก็จะได้รับผลกระทบตามมา รัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อคนไทยทุกคน ในประเทศไทย ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมไปถึงความมั่นคง และความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ทำอย่างไรให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งและทำตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือส่งผลกระทบต่อประชาชนระดับล่างในอนาคต ต้องมีการสร้างเครือข่าย สร้างความเชื่อมโยงให้ได้ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักการของการบริหาร
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า จะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 บังคับ ขับไล่คนจำนวนมากออกไปเพื่อนำที่ดินมาสร้างพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ถ้าจะทำต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาธุรกิจเพื่อสังคม เช่น การบริหารจัดการดอยตุง ที่ทำธุรกิจโดยไม่มุ่งหวังกำไร คืนกำไรให้สังคม นำกำไรที่ได้ไปดูแลประชาชน และนำบางส่วนไปลงทุนสร้างห่วงโซ่กับโรงงาน พร้อมกับให้ดูแลที่อยู่ของแรงงานให้มีที่พักชัดเจน และดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการธุรกิจเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น การจัดหาที่อยู่โดยให้ผ่อนส่งระยะยาว ควบคู่กับการสร้างอาชีพเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งตามมาในภายหลัง
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th