นายกรัฐมนตรีย้ำข้าราชการต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส

ข่าวทั่วไป Wednesday September 16, 2015 15:10 —สำนักโฆษก

วันนี้ (16ก.ย.58) เวลา 17.00 น. ณ ห้อง Miracle Grand ชั้น 4 โรงแรงมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญและแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงหมาดไทย หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ประมาณ 250 คน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) การดำเนินงานตาม Road map เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์และขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 2) การดำเนินงานด้านความมั่นคง 3) การลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม 4) การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 5) การพัฒนาชายแดนและงานระหว่างประเทศ 6) การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยกล่าวตอนหนึ่งของการมอบนโยบายว่า ความลำบากยากจนของประชาชนเป็นปัญหาของประเทศไทย รวมถึงเรื่องปัญหาการจราจรและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วันนี้จึงต้องมาสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ข้าราชการจะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในทุกโอกาส ในทางที่ถูกต้อง ชอบธรรม โดยข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องสร้างความเข้มแข็งของตนเองให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้หลายฝ่ายเข้ามาทาบทับอำนาจในการทำงาน ซึ่งตรงนี้จะหามาตรการในการเข้ามาคุ้มครองให้ และขอให้ระลึกอยู่เสมอตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ทุกปี คือการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ต่างพระเนตรพระกรรณ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบริหารราชการของรัฐบาลชุดปัจจุบันและคสช.ในขณะนี้ว่า อยู่ในช่วงที่ 2 ซึ่งเป็นไปตาม Road Map ที่ได้กำหนดไว้ โดยระยะที่ 2 สิ้นสุดคือเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งและมีการส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดินไปสู่รัฐบาลชุดต่อไปที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการบริหารจัดการน้ำ ปัจจุบันยังมีหมู่บ้าน 7,000 กว่าแห่งที่ยังไม่มีประปาใช้ ซึ่งต้องมีการดำเนินการให้ได้ภายในปี 2560 โดยการนำงบประมาณที่ค้างท่ออยู่มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งขอให้มีการหาวิธีกักเก็บน้ำที่เกิดจากฝนตกในช่วงนี้ไว้ใช้ในฤดูแล้งให้ได้ ตลอดจนการสำรองน้ำไว้ในใช้ในปีหน้าให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค เช่น การทำแก้มลิงธรรมชาติ การขุดบ่อเก็บกักน้ำ โดยสร้างงานและจ้างงานประชาชนในพื้นที่ให้มีรายได้ ขณะเดียวกันต้องมีการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้สอดคล้องกับสภาพในพื้นที่ และหาตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ อีกทั้งต้องหาวิธีการในการอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชนและสังคมได้รับรู้เกี่ยวกับระบบราชการและการบริหารราชการแผ่นดินว่าการเมืองกับราชการเกี่ยวข้องกันอย่างไร งบประมาณใช้จ่ายอย่างไร ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันเกิดขึ้นให้ได้ ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีทางด้าน ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงาน สร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อยกระดับประชาชนเป็น Smart farmer และ Smart Thailand และต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องการส่งเสริมในเรื่องของตลาดชุมชนในพื้นที่หรือตลาดเกษตรกรโดยตรง เพื่อให้ประชาชนได้นำผลผลิตทางการเกษตรมาจำหน่ายและสามารถกำหนดราคาได้ด้วยตนเอง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ พร้อมขอให้ทุกคนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวในการทางปฏิบัติ คือ ความมีเหตุมีผล ความพอประมาณ และการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ประชาชนเข้มแข็งด้วยตนเองก่อน โดยให้ประชาชนรวมกลุ่มกันเพิ่มช่องทางการตลาดคู่ขนานไปกับของรัฐและธุรกิจของเอกชน และเน้นย้ำให้มีการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า ไม่ใช่สภาวะเงินเฟ้อแต่เป็นเงินฝืด คือประชาชนมีเงินแต่ไม่ได้ใช้จ่ายเงินที่มีอยู่ ดังนั้นต้องสร้างให้สังคมมีความปลอดภัยในเรื่องการค้าการลงทุนและการใช้จ่ายเงินโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ด้วยความมีเหตุมีผล มีความพอประมาณ และมีภูมิคุ้มกันที่ดีไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเสียหายต่อบริษัทและธุรกิจ จึงขอให้ทุกคนได้ไปทบทวนในเรื่องเหล่านี้ด้วย

ในส่วนของเรื่องการดำเนินการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ปีนี้มีทั้งหมด 5 แห่ง และปี 2559 จะมีการดำเนินการใน 6 พื้นที่ โดย 5 แห่งปีนี้ จะเร่งรัดดำเนินการในพื้นที่ 2 แห่งก่อน คือ แม่สอด และสระแก้ว เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ได้เร่งดำเนินการให้เกิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษขึ้น อย่างไรก็ตามต่อไปนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยต้องไม่มุ่งเน้นเฉพาะการส่งออกและการเกษตรเท่านั้น แต่ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมอย่างเป็นระบบทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรมสมัยใหม่ เทคโนโลยีสูงและการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์มีราคาที่สูงขึ้น สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ พร้อมขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศ โดยขับเคลื่อนศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (One Stop Service : OSS) ให้เป็นกลไกสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน รวมทั้งบริหารจัดการการใช้ที่ดินซึ่งมีปัญหาในบางพื้นที่ โดยต้องเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ที่เกี่ยวข้องศึกษาในเรื่อง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดปัญหาขึ้นมาจากการใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวกับทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน รวมทั้งฝากให้ดูแลในเรื่องของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องป่าไม้ และไม้พะยูง ซึ่งการดำเนินการต้องไม่ละเมิดกฎหมายแต่ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง และผู้ว่าราชการรับทราบถึงการดำเนินการที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทุกอย่าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทุกคนและทุกภาคส่วนต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการขับเคลื่อในหลายเรื่อง อาทิ เรื่อง BOI การบริหารราชการแผ่นดิน การบูรณาการ cluster การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) แอพพลิเคชั่น (Application) ความทันสมัย การลดต้นทุนการผลิต เมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง การดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การสำรวจฐานข้อมูลของประชาชน การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งเรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรต่ำ และเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค มีกองทุนยุติธรรม ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด พร้อมกันนี้ขอให้มีการจัดชุดทีมไทยแลนด์ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ทหาร ตำรวจ ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ถึงแนวทางการดำเนินงานและการบริหารราชการของหน่วยงานภาครัฐว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร เพื่อประชาชนจะได้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและส่งผลให้เกิดความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐจะดำเนินการ

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลก การเป็นเศรษฐกิจเดียวในประชาคมอาเซียน ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องทำวันนี้คือการบริหารราชการแบบบูรณาการ และเรื่องว่าระแห่งชาติ ต่าง ๆ โดยเฉพาะการลดสัดส่วนการใช้น้ำมันกับแก๊สลง หันมาสนับสนุนส่งเสริมเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น การแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สร้างความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เปลี่ยนรายได้ของประเทศโดยไม่พึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการแปรรูปผลผลิตและผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าสูงขึ้น สร้าง SMEs ตลาดชุมชน หรือ Social business สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ก่อนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และประชาชนในพื้นที่อื่นได้รับประโยชน์ต่อไป พร้อมสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก อากาศ และทางน้ำ ในประเทศไปสู่ประเทศเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยขอให้ทุกคนร่วมมือกันสร้างประวัติศาสตร์และอนาคตให้กับคนไทยและประเทศชาติ วันนี้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ประชาชน ประชาสังคม ต้องก้าวเดินและเติบโตไปด้วยกัน " our home our country stronger together” รวมทั้งประเทศในอาเซียน ทุกประเทศจะก้าวไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งประเทศหนึ่งประเทศใดไว้ข้างหลัง เพื่อให้มีอำนาจต่อรองและสามารถแข่งขันในประชาคมโลก

ขณะเดียวกันต้องเน้นเรื่องของ how to do การท่องเที่ยวแนวใหม่ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ส่วนการเฝ้าระวังในเรื่องความมั่นคง ทุกคนต้องร่วมมือกันโดยไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเพียงฝ่ายเดียว การบำบัดน้ำเสีย ผังเมือง อาชีพรายได้ ความปลอดภัย ความเป็นธรรม เข้าถึงกระบวนการยุตธรรม โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นำกฎหมายที่ออกมาแล้วไปศึกษาในรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน เกี่ยวกับกฎหมายที่ออกมาจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร และต้องยืนหยัดด้วยความเข้มแข็ง ใช้กฏหมายและการทำงานปกป้องตนเองให้ได้

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ