นายกฯ พอใจ ชาวอุบลขานรับนโยบายรัฐบาล ได้ประโยชน์จากมาตรการตำบลละ 5 ล้าน-กองทุนหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาอาชีพและชุมชน หวังจังหวัดอื่นยึดเป็นต้นแบบ

ข่าวทั่วไป Saturday November 14, 2015 14:47 —สำนักโฆษก

วันนี้ (14 พ.ย 58) พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับทราบว่า การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความคืบหน้าไปมากและประชาชนได้รับประโยชน์ ทั้งจากมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) และระดับหมู่บ้าน (กองทุนหมู่บ้าน) เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

“ชาวจ.อุบลราชธานี ดีใจและขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ ที่ผ่านมาชาวบ้านได้นำแนวคิดประชารัฐมาใช้ โดยเริ่มคิดและจัดทำรายละเอียดโครงการพัฒนาตามมาตรการตำบลละ 5 ล้านบาท และรัฐสนับสนุนงบประมาณให้ รวมกว่า 3,700 โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างถนน ขุดลอกและเจาะบ่อบาดาล และจัดซื้อพันธุ์สัตว์

ส่วนมาตรการเพิ่มทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้าน ในจังหวัดอุบลราชธานีหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ธ.ออมสินและ ธ.ก.ส. ได้อนุมัติสินเชื่อและเบิกจ่ายให้กองทุนแล้ว 1,288 ล้านบาท โดยประชาชนนำเงินไปลงทุนทั้งในด้านการเกษตร ค้าขาย อุตสาหกรรม ช่างและบริการ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า”

สำหรับภาพรวมทั้งประเทศ ขณะนี้มีการอนุมัติเงินตามมาตรการตำบลละ 5 ล้านบาท ให้ทุกจังหวัดรวมทั้งสิ้น 19,156.36 ล้านบาท จากทั้งหมด 36,275 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มทุนให้แก่กองทุนหมู่บ้าน มีการเบิกจ่ายเงินให้กองทุนแล้ว 36,888 กองทุน วงเงิน 35,708 ล้านบาท จากทั้งหมด 40,460 กองทุน วงเงิน 39,150.93 ล้านบาท ขณะที่โครงการลงทุนละ 1 ล้านบาท มีการจัดสรรงบประมาณให้ทุกจังหวัดแล้ว 40,318.5 ล้านบาท

“ท่านนายกฯ ปรารภว่า จะหาโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนให้มากขึ้น เพราะทำให้ได้เห็นความสำเร็จและสภาพปัญหาที่แท้จริง และรู้สึกมีกำลังใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของประชาชน ท่านอยากให้จังหวัดอื่นนำกรณีตัวอย่างของชาวบ้านที่อุบลราชธานีไปเป็นต้นแบบ คือ การนำเงินที่ได้รับจากมาตรการของรัฐไปลงทุนในกิจการที่สร้างรายได้ เช่น เปิดร้านขายของ ร้านตัดผม ทำรถเข็นขายกาแฟ เพื่อสร้างความยั่งยืน พร้อมทั้งได้กำชับให้ส่วนราชการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังมีความล่าช้าให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะมาตรการตำบลละ 5 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และตรวจสอบได้”

------------

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ