นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ เห็นชอบประกาศวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีสำหรับธุรกิจใหม่ Startup Thailand พร้อมเห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-พลังงาน-วิทยาศาสตร์ฯ ดำเนินโครงการนำร่องใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร และเห็นชอบให้สิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างผลงานที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย-บัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย
วันนี้ (8 เม.ย.59) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) ครั้งที่ 2/2559 โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกันแถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบประกาศวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีสำหรับธุรกิจใหม่ (Startup Thailand) ว่า “วิสาหกิจเริ่มต้น จะเป็นนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Warrior: NEW) และประเทศไทยจะเป็นพื้นที่เปิด สำหรับการเติบโตของอาเซียน” โดยมีกรอบของ Platform ได้แก่ การสร้าง Talent และดึงดูด Talent จากทั่วโลก ปรับกฎหมายและสร้างโอกาสให้ startup เติบโต สนับสนุนการลงทุน Startup และสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับ Startup ซึ่งได้มอบหมายกระทรวงการคลังนำวิสัยทัศน์และกรอบมาตรการส่งเสริมไปจัดทำแผนการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินโครงการนำร่องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในแหล่งมรดกโลก ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร เพื่อเป็นการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศมาส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการอนุรักษ์โบราณสถาน โดยให้เร่งดำเนินการได้ทันที
ทั้งนี้ รัฐบาล ได้มีนโยบายในการพัฒนาระบบคมนาคมของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยให้มีการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่ที่อาศัยการเชื่อมต่อคมนาคมและการขนส่งทุกประเภท พร้อมทั้งวางผังการเชื่อมต่อกับการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ข้างทาง เช่น การพัฒนาไปสู่การเป็นที่อาศัย ศูนย์การค้า ฯลฯ รวมทั้งคำนึงถึงการพัฒนาระบบน้ำ พื้นที่เกษตร โดยอาศัยการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการสร้างความเจริญในวงกว้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้บูรณาการกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการโดยด่วน
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างผลงานที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทย และบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย โดยภาครัฐสามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีกรณีพิเศษได้ โดยที่ประชุมขอให้มีการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์แก่นักวิจัยที่เป็นผู้คิดค้น และพัฒนารวมเข้าไว้ด้วย ส่วนในระยะยาวเห็นควรให้จัดแนวทางการสนับสนุนวิจัยให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งภาครัฐและเอกชน
-------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th