นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาให้แก่บุคลากรทางการศึกษา นำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ยืนยันรัฐบาลสนับสนุนการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี 15 ปี

ข่าวทั่วไป Friday May 13, 2016 14:14 —สำนักโฆษก

วันนี้ (13 พ.ค.59) เวลา 14.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม “ นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู” คืนความสุขให้ครู คืนครูให้นักเรียน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาให้แก่ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ คณะครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินการตามนโยบายปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีสิทธิภาพ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้ง มีการถ่ายทอดสดผ่าน ETV และระบบVDO Conference ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในส่วนภูมิภาครับชมทั่วประเทศด้วย (จังหวัดละ 1 แห่ง รวม 74 แห่ง) โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี คณะครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ประมาณ 20,000 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ และการมอบนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ โดยได้กำหนดนโยบายปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะให้การศึกษาเป็นฐานในการพัฒนาคนเพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนนั้น กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะขับเคลื่อนการสร้างโอกาสและคุณภาพการศึกษาของนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ เช่น การจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การอ่านออกเขียนได้ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และโรงเรียนประชารัฐ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การนำนโยบายสู่การปฏิบัติและให้ประสบความสำเร็จ ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งในส่วนกลาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน ต้องร่วมมือกัน ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้จัดประชุมวาระพิเศษ “นายกรัฐมนตรีพบเพื่อนครู” ขึ้นในวันนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจในการดำเนินการตามนโยบายปฏิรูปการศึกษาและสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงได้รับทราบข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการในส่วนภูมิภาคที่จะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคการเรียนที่ 1/2559 ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ขณะเดียวกันการประชุมครั้งนี้ ยังถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติด้วยความทุ่มเท มุ่งมั่นบนพื้นฐานจิตวิญญาณของความเป็นครูที่จะสานฝันพัฒนานักเรียนให้มีโอกาส และคุณภาพทางการศึกษาเต็มตามศักยภาพต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่งของการเปิดการประชุมและมอบนโยบายการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา โดยได้ขอความร่วมมือจากบุคลกรทางการศึกษาทุกคนในการที่จะพัฒนาการศึกษาของประเทศให้มีผลสัมฤทธิ์มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ที่ผ่านมาครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนจะทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่แต่ยังไม่มีความชัดเจนในระดับนโยบาย ซึ่งการที่ได้มีโอกาสมาพบกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในวันนี้ก็เหมือนกับได้มาพบกับครอบครัวของตนเองเพราะแม่และภรรยาก็มีอาชีพเป็นครูเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ รัฐบาลและ คสช.สัญญาจะคืนความสุขให้กับประชาชนและประเทศชาติ ในการเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อปฏิรูปประเทศทุกด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม กระบวนการยุติธรรม การต่างประเทศ โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางปฏิบัติ รวมถึงเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกประเทศทั่วโลกล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ การศึกษาที่เท่าเทียม การลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งการแก้ปัญหาทุกอย่างต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทางโดยกลางทางคิดหาวิธีการเพื่อนำไปสู่ปลายทางในการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด และมีการประเมินความคุ้มค่ากับสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วมีผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการพัฒนาการศึกษาในสหัสวรรษต่อไป ว่า ต้องมีการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ ครอบคลุม เป็นธรรม และส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงขอให้มีการนำเอกสารทางการศึกษาวิจัย หรือเอกสารจากการเข้าร่วมประชุมในโอกาสต่าง ๆ ของต่างประเทศ กลับมารวบรวมทบทวนบูรณาการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เกิดความยั่งยืนเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ต้องมีการเชื่อมโยงกับชีวิตจริงและมองถึงอนาคตที่จะมาถึงในอีก 15 ปีข้างหน้า เพื่อเตรียมพร้อมของประเทศ ตลอดจนมีการสอนเนื้อหาและพัฒนาทักษะกระบวนการคิดให้กับผู้เรียน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีมและมีการบูรณาการ การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการเรียนรู้ และกระตุ้นการถ่ายโอนความรู้ ทั้งนี้ การดำเนินการในเรื่องใดก็ตามต้องมองที่ผลสัมฤทธิ์คือการศึกษาที่มีคุณภาพ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในห้วง 20 ปีข้างหน้าให้ได้ โดยมีการกำหนดวางพื้นฐานและดำเนินการตามแผนปฏิรูปที่วางไว้ทุก 5 ปี ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งระหว่างนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ก่อนดำเนินการไปสู่แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ระยะต่อไป โดยขณะนี้เป็นการเดินหน้าประเทศในระยะที่ 1 ของรัฐบาลและคสช. ซึ่งในเรื่องของการศึกษาต้องมีการวางแผนหรือ Road map เป็นแผนที่นำทางและแบ่งการดำเนินงานที่ชัดเจนเป็นระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 และแผนระยะต่อไป โดยเฉพาะในห้วงเวลาระยะที่ 1 ของรัฐบาลปัจจุบันและคสช. ทุกคนต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับ Road map ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนให้ได้และสามารถดำเนินการพัฒนาการศึกษาต่อไปตามแผนปฏิรูปทุก 5 ปี สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของประเทศไทย

อย่างไรก็ตามการบริหารการศึกษาจะใช้การเมืองนำไม่ได้ ต้องใช้ทั้งหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และความรู้ด้านวิชาการต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับประเทศ ประชาชนและสังคม ด้วยการมีความรู้คู่คุณธรรม ความมีเหตุมีผล พอประมาณ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรและโรงเรียนเป็นองค์กรที่มีบุคลากรที่มีจริยธรรมทำให้ประเทศชาติและสังคมเกิดความสงบสุข ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน โดยทุกคนร่วมมือขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการดูแลครูในเรื่องการหาบุคลากรมาทำหน้าที่ธุรการแทนครู เพื่อครูจะได้มีเวลาในการเตรียมการสอนและพัฒนาเทคนิคการสอนให้กับเด็กนักเรียนมากขึ้น อีกทั้ง ครูจะต้องมีการนำเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนระหว่างครูกับนักเรียน เช่น การตั้งประเด็นที่ให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีค้นคว้าหาข้อมูลและนำข้อมูลเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันซึ่งจะทำให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เกิดผลสัมฤทธิ์และแนวทางใหม่ ๆ ขึ้นมา นำไปสู่การผลิตนักวิจัยพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ รวมทั้งต้องสร้างแรงจูงใจหาวิธีการเรียนการสอนให้มีความน่าสนใจผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และให้ความสำคัญกับกระบวนการ มุ่งผลสัมฤทธิ์ สร้างให้เด็กมีจุดมุ่งหมายของตนเองในการเรียนโดยไม่หวังที่จะเรียนเพื่อสอบประเมินผลให้ได้คะแนนเท่านั้น รู้จักคิดวิเคราะห์และมีกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจในการทำงานและดำเนินการเรื่องอื่นในการดำเนินชีวิตได้ อีกทั้ง ต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้คู่คุณธรรม รู้จักผิดชอบ ชั่วดี ปลูกฝังค่านิยมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เพื่อสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง ตลอดจนต้องมีการเรียนการสอนในสาขาที่สอดคล้องตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานเพื่อที่จบออกมาแล้วมีงานทำ

ส่วนการแก้ไขปัญหาการศึกษาของประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากต้องการให้ประเทศมีความเข้มแข็งต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ซึ่งรัฐบาลได้มีการดำเนินนโยบายเรื่องของประชารัฐในพื้นที่โดยมีทุกภาคส่วนร่วมมือกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งการศึกษา อาชีพ รายได้ ต่อยอดขยายไปสู่ประเทศ CLMV ก่อนขยายสู่ประชาคมโลกอื่น ๆ รวมทั้งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะมีการดำเนินการโดยใช้งบประมาณภาคเอกชนมาสนับสนุนการศึกษาของรัฐซึ่งภาคเอกชนยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินการดังกล่าวที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยรัฐบาลยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการเอื้อผลประโยชน์ให้ภาคเอกชนแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการเอื้อในของเรื่องกฎหมายที่ทันสมัย และเป็นการค้าเสรีที่มีการแข่งขันโดยไม่มีการทุจริตเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยไม่เลือกปฏิบัติ ขณะเดียวกันทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ครู และประชาชนทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันทำงานทุ่มเทให้มากขึ้นเพื่อลบคำปรามาสที่ถูกสบประมาทว่าการศึกษาของประเทศเลวร้ายให้ได้และทำให้การจัดลำดับการศึกษาของประเทศมาอยู่ในลำดับที่ดีขึ้น เนื่องจากผลการจัดลำดับคุณภาพการศึกษาทั่วโลก การศึกษาของประเทศไทยยังอยู่ในลำดับที่ไม่น่าพึงพอใจ ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นให้ได้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล บุคลากรทางการศึกษา และประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ รวมทั้งให้นำวิกฤตมาเป็นโอกาสและมีการวางแผนดำเนินงานที่ชัดเจนตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน และขอให้ทุกคนระมัดระวังอย่าปล่อยให้มีเรื่องการทุจริตเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

สำหรับเรื่องสะเต็มศึกษา (STEM Education) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์วิชาต่างๆ ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยี คณิตศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ โดยนำความรู้ไปแก้ปัญหาในชีวิตจริงและการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ นอกจากนี้ต้องมีการผลิตครูรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถทดแทนในสาขาที่ขาดแคลน และให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานในพื้นที่ชุมชนหรือภูมิภาคเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและบริการต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลสนับสนุนการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี 15 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ระดับประถมวัยจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพ และดูแลรวมไปถึงระดับชั้นอนุบาล รวมทั้งดูแลผู้ประสบปัญหาที่ต้องออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับกลางคันให้ได้รับการศึกษาผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือในระบบการศึกษานอกโรงเรียน เป็นต้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับกิจกรรมด้านการศึกษาตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ โรงเรียนประชารัฐ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ บ้านภาษาอังกฤษ และซ่อมแซมบ้านพักครู โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามด้วยความสนใจ พร้อมกล่าวชื่นชมจัดกิจกรรมประกอบการเรียนการสอนภาษาภาษาอังกฤษที่ให้เด็กเยาวชนได้เรียนรู้สนทนาสื่อสารภาษาอังกฤษผ่านการกระทำและกิจกรรมซึ่งทำให้เด็กสามารถจดจำเข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ได้สอนวิธีกระการบวนการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบที่ให้รู้ถึงสาเหตุแห่งปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทั้งระบบอย่างแท้จริง ผ่านการยกตัวอย่างกรณี การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เป็นต้น

--------------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ