รัฐบาล โดย ก.พ.ร. ประสานความร่วมมือ 6 หน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ขยายการนำร่องเปิดบริการออนไลน์ไปสู่ภูมิภาค อำนวยความสะดวกติดต่อราชการให้แก่ประชาชน

ข่าวทั่วไป Wednesday June 15, 2016 16:54 —สำนักโฆษก

วันนี้ (15 มิ.ย.59) เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานเป็นผู้รับผิดชอบในการปรับปรุงเรื่องการนำอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการยื่นคำขออนุญาตเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการกรอกแบบฟอร์มในการยื่นคำขอของทางราชการ ได้เป็นประธานใน “พิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนภูมิภาคเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ” ระหว่างจังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) จัดโดยสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อขยายการนำร่องเปิดบริการออนไลน์ไปสู่ในส่วนภูมิภาคในจังหวัดเขตเศรษฐกิจสำคัญ และขยายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อลดขั้นตอนการขอเอกสาร อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ติดต่อกับหน่วยงานราชการ โดยมี นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการ ก.พ.ร. ผู้แทนหน่วยงานที่ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีลงนามฯ โดยพร้อมเพรียงกัน

เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้กล่าวว่า จากการบังคับใช้พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 รวมถึงนโยบายรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้หน่วยงานของรัฐอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนที่มาติดต่อราชการ ทางสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ศึกษาแนวทางในการอำนวยความสะดวกโดยนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนภูมิภาคเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการวันนี้ เป็นการขยายความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ โดยมีหน่วยงานลงนามร่วมกัน 6 หน่วยงาน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการให้บริการแก่ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในการขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน พัฒนาระบบยื่นคำขอและพิจารณาคำขอแบบออนไลน์ผ่านระบบนำร่อง Single Window และนำร่องเปิดบริการออนไลน์ไปยังส่วนภูมิภาคในจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ คือ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดภูเก็ต โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2560

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนภูมิภาคเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการว่า สิ่งสำคัญคือการนำไปขยายผลต่อภายหลังจากการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของหน่วยงานที่มีความสำคัญในการอนุมัติ อนุญาต เพื่อร่วมกันพัฒนา ใน 2 ส่วน โดยส่วนแรก คือ การขยายความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในการขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยพัฒนาระบบการยื่นคำขอและพิจารณาคำขอแบบออนไลน์ ซึ่งเพิ่มเติมจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลดภาระในการยื่นเอกสารสำหรับผู้ที่มารับการส่งเสริมการลงทุนที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สร้างความสะดวกให้ผู้รับบริการได้เป็นอย่างดี

ส่วนที่ 2 คือ การพัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในส่านภูมิภาค โดยเป็นการนำร่องเปิดบริการออนไลน์ไปยังส่วนภูมิภาคในจังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ คือ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ SMART CITY ของทั้ง 2 จังหวัด ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จจะมีช่องทางในการรับบริการมากขึ้น ทำให้การขออนุมัติ อนุญาตทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งยังเป็นการลดการขอเอกสารซ้ำซ้อน เพราะได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนเอาไว้ทั้งระบบ ซึ่งจากเดิมประชาชนหรือผู้รับบริการจะต้องยื่นเอกสารหรือติดต่อเฉพาะที่ส่วนกลางเท่านั้น โดยการลงนามในข้อตกลงทั้ง 2 ครั้ง ถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาสารสนเทศมาใช้ปรับปรุงการบริการภาครัฐให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้ปรารภและให้ข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานราชการทุกกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนว่า ต้องการให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ One Stop Serviceโดยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลในลักษณะดังกล่าวระหว่างกันของหน่วยงานราชการอย่างเป็นระบบและครบวงจร ประชาชนสามารถกรอกแบบฟอร์มและยื่นเอกสารหลักฐานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องยื่นเอกสารที่หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์บริการดังกล่าวภายในกระทรวงหรือตามสถานที่ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานที่หน่วยงานราชการ ฯลฯ เพื่อให้บริการกับประชาชนในเรื่องต่าง ๆ แบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ เช่น การให้บริการทำบัตรประชาชน การบริการทำหนังสือเดินทาง การจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ติดต่อเรื่องประกันสังคม ฯลฯ ซึ่งจะทำให้การติดต่อกับหน่วยงานราชการในเรื่องต่าง ๆ เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนและเวลา ตลอดจนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับประชาชนได้อีกด้วย

--------------------

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ