ผลประชามติ สะท้อน คนไทยชื่นชมบรรยากาศการเมืองที่มีเสถียภาพ และผู้นำที่ซื่อสัตย์

ข่าวทั่วไป Tuesday August 9, 2016 09:21 —สำนักโฆษก

วันนี้ (9 ส.ค. 59) เวลา 13.00 น. พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เกี่ยวกับการเมืองไทยหลังการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และอนาคตทิศทางประเทศไทย ในงานสัมมนา JIJI TOP SEMINAR ครั้งที่ 182ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว Jiji Press โดยมีภาคเอกชนชั้นนำจากญี่ปุ่นกว่า 35 คนเข้าร่วมงาน สรุปสาระสำคัญดังนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เหตุผลที่ทหารและกองทัพจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศนั้น เนื่องจากรัฐบาลรักษาการณ์ในขณะนั้นไม่สามารถบริหารประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ ตกอยู่ใน deadlock รองโฆษกฯชี้ว่า การทำประชามติเป็นขั้นตอนและกลไกที่ คสช. กำหนดหลังเข้ามาบริหารประเทศ ตาม roadmap 3 ระยะ โดยในปัจจุบัน อยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งประชามติเป็นส่วนหนึ่งของระยะนี้ การทำประชามตินั้นเป็นความริเริ่มของรัฐบาลที่อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และเพื่อให้รัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยภายหลังการลงประชามติ กว่าร้อยละ 62 รับร่างรัฐธรรมนูญ และกว่าร้อยละ 58ที่รับคำถามพ่วง นอกจากนี้ รองโฆษกฯยังเห็นว่า การโหวตรับนั้นมีนัยมากกว่าเป็นเพียงการรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้การเมืองไทยมีความสงบเรียบร้อย ต่างจากความวุ่นวายในอดีตที่ผ่านมา แม้ความปรองดองจะยังไม่ปรากฎชัด 100% เพราะยังปรากฏภาพความเห็นต่าง แต่ก็ไม่นำไปสู่ความรุนแรง หลายฝ่ายออกมายอมรับเสียงส่วนใหญ่ และพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็ยินดีต่อการลงประชามติ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศของความสงบเรียบร้อย และความน่าลงทุน

รองโฆษกฯ กล่าวว่า ในเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบปะสื่อมวลชนก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี และได้ประกาศชัดว่า ไทยจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า โดยต่อจากนี้ ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ พร้อมย้ำว่า ไทยเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง โดยขณะนี้กำลังเดินหน้ากระบวนการออกกฎหมายลูก เพื่อมุ่งสู่การเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการสำรวจจุดอ่อน และจุดแข็งของประเทศ ซึ่งจุดอ่อนของไทยคือ ขาดแผนงานที่ชัดเจนในระยะยาว รัฐบาลจึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และภาคเอกชนกำหนดแผนยุทธศาสตร์ประเทศระยะยาว 20 ปี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องว่า ปัจจัยการลงทุนประการหนึ่ง คือ การมีเสถียรภาพของประเทศ ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น คือ ความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าไทยจะสามารถบรรลุความมั่นคง มั่นคั่งได้อย่างแน่นอนในอนาคต

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ