โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ อยากเห็นสื่อปรับตัว นำเสนอข่าวสร้างสรรค์ ให้ความรู้ที่ถูกต้องจรรโลงจิตใจคนและลดความขัดแย้ง ย้ำเดินหน้าปฏิรูปแล้วหลายเรื่อง พร้อมเรียกร้องคนไทยรู้จักพอเพียง

ข่าวทั่วไป Friday December 23, 2016 16:14 —สำนักโฆษก

วันนี้ (23ธ.ค.59) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นหนังสือพิมพ์บางฉบับนำเสนอข่าวในทำนองว่า ขณะนี้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการมากแต่ผลผลิตมีน้อย ชาวสวนยางจึงประกาศคัดค้านโวยแหลกไม่ให้รัฐบาลขายยางในสต๊อกที่เคยได้รับซื้อจากเกษตรกรไปก่อนหน้านี้ เพราะกลัวว่าราคาจะตกลง

"การนำเสนอข่าวลักษณะนี้เท่ากับจะยิ่งส่งเสริมให้ชาวสวนยางออกมาคัดค้านรัฐบาล โดยไม่ได้ให้ความรู้เรื่องหลักอุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) ที่แท้จริงแก่เกษตรกรและสังคมทั่วไป ดังนั้น หากสื่อยังนิยมชมชอบการเสนอข่าวเช่นนี้ก็ยากที่จะสร้างการเรียนรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน เช่นเดียวกับการเขียนข่าวที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเป็นคู่ต่อสู้กับขั้วตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา เช่น ต่างฝ่ายต่างยกจุดอ่อนของอีกฝ่ายออกมาโจมตีกัน ทั้งเรื่องปมราคาข้าว การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน การปราบปรามการทุจริต การติดตามคดีโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นต้น จึงอยากให้สื่อมวลชนได้ทบทวนบทบาทตนเอง โดยนำเสนอข่าวในเชิงสร้างสรรค์ ยกระดับความรู้และจิตใจของคนในสังคมบ้าง รวมทั้งเรียกร้องให้ภาคส่วนอื่น ๆ ช่วยกันกระตุ้นให้สื่อเปลี่ยนแปลงด้วย"

พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ข้อเสนอของหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ต้องการให้รัฐบาลทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม เช่น ประกาศตัวชี้วัดระดับชาติเพื่อลดหนี้ครัวเรือน กำหนดวงเงินดาวน์ขั้นต่ำในการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ การมีบัตรเครดิต ฯลฯ นั้น ขอเรียนว่า

"รัฐบาลขอบคุณข้อเสนอแนะของสื่อมวลชน โดยท่านนายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลนี้ประกาศชัดเจนเพื่อนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานและเผยแพร่สู่สังคมโลก โดยได้ดำเนินการแล้วหลายเรื่อง เช่น การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ การส่งเสริมการรวมกลุ่มสหกรณ์ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ การจัดทำเกษตรแปลงใหญ่ โครงการตลาดประชารัฐ การออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ ฯลฯ และที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงนโยบายที่จะสร้างภาระแก่ประชาชน เช่น โครงการรับจำนำข้าว รถคันแรก ฯลฯ ซึ่งขัดกับหลักการของความพอเพียง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมประเมินผลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อวางรากฐานต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ท่านนายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับการลดหนี้ภาคครัวเรือนให้สำเร็จได้นั้น อยู่ที่คนไทยทุกคนด้วย ที่จะประพฤติปฏิบัติตนตามแนวทางของความพอเพียงอย่างแท้จริง หรือแก้ไขความเคยชินแบบที่ผ่านมาให้ได้ ซึ่งอาจจะต้องเวลาในการปรับตัวบ้าง"

-------------------

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ