นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม ก.น.จ. ครั้งที่ 1/60 เน้นย้ำดูแลการดำเนินโครงการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่และจังหวัด ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โปร่งใส

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2017 14:07 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม ก.น.จ. ครั้งที่ 1/60 พิจารณาแผนงานโครงการที่จะใช้งบประมาณเพิ่มเติมในปี 2560 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่และจังหวัด เน้นย้ำเรื่องการดูแลโครงการให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โปร่งใส

วันนี้ (16 ม.ค.60) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2560 โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การประชุม กนจ. วันนี้มีการพิจารณาแผนงานโครงการที่จะใช้งบประมาณเพิ่มเติมในปี 2560 อีกจำนวนกว่าพันโครงการ ซึ่งเป็นการคิดร่วมกัน เริ่มจากระดับพื้นที่ ผู้ว่าฯ เสนอแผนงานของจังหวัดไปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลุ่มจังหวัด แล้วขึ้นมาที่ กนจ. ที่ถือเป็นการจัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่าปฏิรูป วันนี้มีการกลั่นกรองทุกคณะ โดยทั้งหมดที่เสนอมาต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ที่ต้องกำหนดว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศชาติจะเดินไปทางไหนอย่างไร จะเป็นเกษตร อุตสาหกรรมแบบไหน ยุทธศาสตร์ชาติจะครอบคลุมตรงนี้ไว้ให้ ทั้งนี้ เป็นเรื่องของทุกรัฐบาลที่มีเสรีในการขับเคลื่อน โครงการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วเดิม ถ้าเขาเห็นว่าดีเขาทำต่อ แต่ทั้งหมดจะทำหรือไม่ทำนั้นต้องมาตอบว่า ตัวชี้วัดเขาเขียนไว้ว่าอย่างไร ไม่ได้หมายความว่าทำแล้วไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วจะผิด แต่จะต้องทำหรือไม่ทำก่อน ถ้าไม่ทำแล้วมีเหตุผลอะไรที่ตัวประเมินถึงไม่ได้ ก็ต้องไปแก้ไขทำกันต่อไป และไม่ได้หมายความว่าเราจะล็อกสเป็กไว้ว่า 20 ปีจะต้องเดินอย่างนี้ ๆ ทั้งหมด เพราะโลกเปลี่ยนแปลงทุกวันทุกปี ฉะนั้นอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ก็เปลี่ยนแปลงไป แต่ต้องอยู่ในกรอบ ผลสัมฤทธิ์ต้องกำหนดไว้ล่วงหน้า ถ้าทำงานไม่มีผลสัมฤทธิ์ก็จะใช้จ่ายงบประมาณหมดไปเป็นปี ๆ ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่ยุทธศาสตร์ทหาร เพียงแต่เป็นกรอบนโยบายว่าประเทศชาติจะไปยืนอยู่ตรงไหน จะเดินหน้าประเทศไปอย่างไร 19 กระทรวงต้องทำงานขับเคลื่อนงานตามกลุ่มภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ 6 ยุทธศาสตร์

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีข้อสั่งการอะไรเป็นพิเศษในที่ประชุม กนจ. ถึงเรื่องการใช้งบประมาณ เพราะมีขั้นตอนการดำเนินงานมีกติกาที่ชัดเจน แต่ได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลโครงการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส มีคณะตรวจสอบอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว รวมทั้งมีภาคเอกชนต่าง ๆ ที่จะเข้าไปอยู่ในโครงการต่าง ๆ ทั้งนี้ หลายอย่างอย่ามาติติงกันในวันนี้ว่าคิดไปแล้ว ออกมาแล้ว ทุจริตอีกแล้ว เพราะยังไม่ได้เริ่มทำ โดยหลักการเรื่องนโยบายก็ควรทำเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่ให้กับจังหวัด โดยเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ และต่าง ๆ ต้องมีความสมบูรณ์ ต้องบริหารในเชิงพื้นที่ที่มีอยู่แล้วเดิม ตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ทุกจังหวัดซึ่งเป็นพื้นฐานศักยภาพของเขา แล้วสร้างเครือข่ายเป็นกลุ่มจังหวัด กลุ่มจังหวัดเป็นเครือข่ายของภูมิภาค แล้วเป็นเครือข่ายของประเทศต่อไปในอนาคต ซึ่งจะมาสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ชายแดน เศรษฐกิจพิเศษ ใน EEC ที่ต้องมีคนผลิต แปรรูป และทำการตลาด ฉะนั้นทุกจังหวัดจะมีส่วนในการได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ รายได้จะเพิ่ม

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดที่เสนอให้ปรับวิธีแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยใช้วิธีพิเศษ ว่า ได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีสมคิด แล้ว ไม่ใช่เป็นการใช้วิธีพิเศษ แต่รองนายกรัฐมนตรีสมคิดหมายความว่า ต่อไปนี้การเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่สำคัญ ๆ อยากได้ผู้ว่าฯ ที่มีวิสัยทัศน์ มีระยะเวลาการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในกระบวนการของกระทรวงมหาดไทย ที่มีการคัดสรรตามสายงานอาชีพอยู่แล้ว ก็ต้องไปบอกกระทรวงมหาดไทยว่า ต้องการผู้ว่าฯ ที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องของการบูรณาการงานตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ซึ่งก็ต้องไปอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกของกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่อยู่ดี ๆ นายกรัฐมนตรีจะไปสั่งให้คนโน้นคนนี้เป็นผู้ว่าฯ เรื่องนี้เป็นการพูดคุยหารือกัน เพียงแต่เป็นความคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีสมคิด ว่าเราควรจะได้มีผู้ว่าฯ ที่เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ และอีกประการที่สำคัญคือ ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลส่วนใหญ่จะกำหนดนโยบาย กำหนดแผนงานโครงการลงไปข้างล่าง ข้างล่างริเริ่มไม่ได้ บัดนี้เราต้องการผู้ว่าฯ ที่ริเริ่มได้บ้าง ซึ่งจะเป็นการสื่อสารสองทาง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าภายในสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อไปพบปะเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชน หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมได้เริ่มคลี่คลายลง โดยจะลงไปดูการฟื้นฟูในพื้นที่ที่จะต้องเป็นไปอย่างบูรณาการและให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีแผนดำเนินการไว้แล้ว เช่น การขุดลอกคูคลองในพื้นที่ พร้อมทั้งฝากให้ประชาชนในภาคใต้ได้เข้าใจแนวทางการทำงานของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาในอนาคต

โอกาสนี้ พลโท พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิทของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากพลเอก เปรม มามอบให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณในน้ำใจของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และจะนำเงินนี้ไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ประสบอุทกภัยรวมถึงการฟื้นฟูด้านต่าง ๆ ต่อไป

------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ