“โฆษกฯ ย้ำเหตุผลใช้ ม.44 ควบคุมวัดพระธรรมกาย เรียกร้องทุกฝ่ายย้อนดูต้นเหตุ แจงเจ้าหน้าที่ทำงานระมัดระวังตามขั้นตอนกม.ปกติ

ข่าวทั่วไป Saturday February 25, 2017 15:21 —สำนักโฆษก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเหตุผลใช้ ม.44 ควบคุมวัดพระธรรมกาย เรียกร้องทุกฝ่ายย้อนดูต้นเหตุ แจงเจ้าหน้าที่ทำงานระมัดระวังตามขั้นตอนกม.ปกติ วอนผู้เห็นต่างทั่วโลกไตร่ตรองข้อมูล ขอสื่อร่วมตีแผ่ความจริงให้โลกรับรู้

วันนี้ (25 ก.พ.60) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธจาก 40 ประเทศ ได้ประชุมร่วมกันที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.60 รวมทั้งศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายและพระภิกษุสงฆ์ไทยบางรูป เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้มาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกายและวัดต่าง ๆ ในศาสนาพุทธ พร้อมถอนกำลังที่ล้อมวัดและงดใช้ความรุนแรง ว่า

“อยากให้ผู้ที่เรียกร้องทุกคนและประชาชนทั่วไปได้ศึกษาทบทวนดูว่า ต้นเหตุที่ คสช.ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 5/2560 นั้นเกิดจากอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือศาสนา แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่กระทำความผิดเป็นอาชญากรแต่ไม่ยอมรับกฎหมาย และยังพยายามนำเรื่องของตนไปผูกโยงกับศาสนา เพื่อสร้างกระแสปลุกระดมมวลชนให้ออกมาปกป้องตนเองและกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้สามารถเข้าจับกุมตัวในวัดได้ จึงต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างเรื่องศาสนากับการกระทำผิดกฎหมาย”

พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จากการติดตามข้อมูลของทางการยังพบด้วยว่า มีการเกณฑ์พระสงฆ์จากต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นกำลังเสริมเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างดีที่สุด ตั้งแต่การเจรจาและขอเข้าตรวจค้นตามคำสั่งศาล แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ หนำซ้ำยังถูกขัดขวางทุกวิถีทางจนสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง จึงมีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจยังคงใช้กฎหมายปกติเข้าตรวจค้น โดยมีทหารเป็นผู้รักษาความเรียบร้อยอยู่ภายนอกเท่านั้น

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการค้นหาตัวผู้กระทำผิด ซึ่งมีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร พร้อมพวกรวม 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุด ไม่มีการพกพาอาวุธเข้าไปในบริเวณวัด โดยคำสั่งดังกล่าวใช้ควบคุมเฉพาะวัดพระธรรมกาย ไม่เกี่ยวกับวัดอื่นในศาสนาพุทธ และไม่มีการใช้ความรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากเรียกร้องให้เครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธทั่วโลกได้ไตร่ตรองข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของอาชญากร และอยากให้สื่อมวลชนได้ทำความเข้าใจในจุดนี้และช่วยกันตีแผ่ความจริงให้สังคมโลกได้รับรู้ แทนการรายงานข่าวเหตุการณ์กระทบกระทั่งรายวัน ที่ทำให้ประชาชนหลงคิดไปว่าวัดพระธรรมกายทำถูก แต่เจ้าหน้าที่กลับเป็นฝ่ายผิดเสียเอง”

----------------------

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ