ผลการหารือข้อราชการระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

ข่าวทั่วไป Thursday April 27, 2017 15:38 —สำนักโฆษก

ผลการหารือข้อราชการระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

วันนี้ (25 เม.ย. 60) เวลา 11.45 น. ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนตามคำเชิญของท่านนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะผู้แทนไทย นายกรัฐมนตรีรู้สึกซาบซึ้งใจในพระกรุณาธิคุณของ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนและขอขอบคุณรัฐบาลบาห์เรนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ที่ผ่านมา บาห์เรนเป็นมิตรแท้และเป็นมิตรที่สำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังนั้น การเยือน บาห์เรนเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญและ ความเป็นมิตรระหว่างไทยกับบาห์เรน นอกจากนี้ ปีนี้ยังเป็นวาระสำคัญ เนื่องจากเป็นโอกาสการครบรอบ 40 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นประธานในการประชุมเต็มคณะครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ทบทวนประเด็นความร่วมมือที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ ที่สามารถผลักดันเป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันดีตลอดระยะเวลาสี่ทศวรรษของมิตรภาพระหว่างสองราชอาณาจักร นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ ทางการทูตเมื่อปี 2520 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรนมีจุดเด่นที่สำคัญอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ใกล้ชิด ประเทศไทยซาบซึ้งที่บาห์เรนให้การสนับสนุนพัฒนาการทางการเมืองของไทย และในขณะเดียวกัน ไทยก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนพัฒนาการทางการเมืองของบาห์เรนด้วย

นอกจากนี้ ไทยมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรนและ นายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรนได้ทรงมีข้อความพระราชสาส์นและข้อความลายพระหัตถ์ แสดงความอาลัย ในการสวรรคตของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมถึงถวายพระพรสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสขึ้นทรงราชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไทยรู้สึกซาบซึ้งที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเสด็จไปถวายความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรด้วย

ด้านการค้าและการลงทุน การค้าระหว่างไทยกับบาห์เรนเมื่อปีที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 300 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ในด้านการลงทุน ทั้งสองประเทศหวังที่จะเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยผลักดันการเติบโตของการค้าการลงทุนทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ซึ่งทั้งสองฝ่ายหวังจะขจัดอุปสรรคและประเด็นที่คั่งค้างระหว่างกันเพื่ออำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน พร้อมเห็นว่าควรกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นและเสริมสร้างโอกาสการค้าการลงทุนแก่นักธุรกิจของทั้งสองประเทศด้วย

ด้านการท่องเที่ยวไทยยินดีที่ในปี 2559 นักท่องเที่ยวชาวบาห์เรนกว่า 30,000 คน เดินทางมาเยือนประเทศไทยและหวังว่าจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศสามารถร่วมกันผลักดันความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว โดยใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับฝ่ายบาห์เรนด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไทยมีความถนัดอีกด้วย

ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับบาห์เรน ซึ่งจะเป็นกรอบในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายบาห์เรน

ด้านความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ทั้งสองประเทศมีวัตถุประสงค์ร่วมกันที่จะส่งเสริมสันติภาพความมั่นคง และความมั่งคั่งให้บังเกิดแก่ภูมิภาคของตน โดยดำเนินการผ่านกรอบความร่วมมือพหุภาคี อาทิ สหประชาชาติ กรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และกรอบความ ร่วมมืออาเซียน – GCC ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอขอบคุณฝ่ายบาห์เรนต่อความพยายามที่จะให้การสนับสนุน ไทยในกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบ OIC และ ACD

นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยพร้อมเพิ่มพูนและขยายความร่วมมือกับบาห์เรนในหลายสาขาที่จะยังประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย อาทิ ด้านสาธารณสุข ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับบาห์เรนในด้านการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการส่งเสริมให้แพทย์ผู้ชำนาญของไทยเข้าร่วมโครงการ Visiting Doctor Programme ของบาห์เรน และการจัดให้มีผู้ประสานงานด้านความร่วมมือทางสาธารณสุขระหว่างกัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่าย สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงด้านสาธารณสุขที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้ลงนามไปเมื่อปี 2551

ด้านความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การค้ามนุษย์และยาเสพติด โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายหารือแนวทางที่จะผลักดันความร่วมมือในเรื่องนี้ต่อไป

สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการส่งเสริมความร่วมมือ กับรัฐบาลบาห์เรนเพื่อประโยชน์และความมั่งคั่ง ร่วมกันระหว่างทั้งไทยกับบาห์เรนและประชาชนของทั้งสองราชอาณาจักรและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในการเยือนไทยในเร็ววันนี้ เพื่อสานต่อมิตรภาพอันดีระหว่างกัน

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรบาห์เรน 3 ฉบับได้แก่

(1) บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการ เทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร

(2) พิธีสารแก้ไขอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้

(3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กับมหาวิทยาลัยบาห์เรน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ