นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดปัตตานี

ข่าวทั่วไป Wednesday April 4, 2018 16:33 —สำนักโฆษก

นายกฯ เปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 จ.ปัตตานี มอบโอวาทให้ลูกเสือเนตรนารีไทยแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม เชื่อมความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ยืนยันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ร่วมกันคิดพัฒนาสู่ไทยแลนด์ 4.0

วันนี้ (4 เมษายน 2561) เวลา 09.40 น. ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดปัตตานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเข้าร่วมงาน ซึ่งจัดโดย กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการของรัฐ เอกชน และท้องถิ่น

งานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นกิจกรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีของลูกเสือต่อสถาบัน ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ 2. เพื่อเทิดพระเกียรติพระบรมราชจักรีวงศ์ 3. เพื่อแสดงความพร้อมและศักยภาพของลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ประชาคมอาเซียน 4. เพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือทำความดีมีจิตอาสา มีความสามัคคีอยู่ร่วมในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข 5. เพื่อเป็นการพัฒนากิจกรรมและบุคลากรทางลูกเสือ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับการชุมนุมลูกเสือครั้งนี้ มีลูกเสือ เนตรนารี รวมทั้งสิ้น 3,548 คนมาจากภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ มีลูกเสือจากต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เนปาล และการ์ต้า รวม 443 คน และมีลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มพลังมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จากนั้นร่วมพิธีชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา ผู้บังคับการค่ายงานชุมนุมฯ กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีและผู้บังคับบัญชาลูกเสืออาวุโสนำลูกเสือกล่าวคำปฏิญาณ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทและกล่าวเปิดงานชุมนุมฯ ตอนหนึ่งว่า กิจการลูกเสือและเนตรนารีนั้น ถือว่าเป็นกิจกรรมด้านการศึกษาที่มีเกียรติและเป็นที่ยอมรับในสังคมโลกว่า ลูกเสือเป็นผู้มีระเบียบวินัยมีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีกฎเกณฑ์และยินดีช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ โดยลูกเสือทุกคนจะยึดถือคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือเป็นแนวปฏิบัติอย่างมีเกียรติ ลูกเสือมีหน้าที่อันหลากหลาย ได้แก่ 1.หน้าที่ต่อชาติ ลูกเสือจะต้องรู้รักสามัคคี และช่วยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้แก่ราชการ ต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติทุกรูปแบบ 2. หน้าที่ต่อศาสนา ไม่ว่าลูกเสือจะนับถือศาสนาใด ๆ ขอให้ระลึกและเข้าใจว่าทุกศาสนาต่างก็มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือสอนให้บุคคลเป็นคนดี ได้แก่ การละเว้นความชั่ว กระทำความดี และทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ 3. หน้าที่ต่อพระมหากษัตริย์ การแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่อันสำคัญของลูกเสือทุกคน ต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนอย่างสูงสุดของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ 4. หน้าที่ด้านการช่วยเหลือผู้อื่น การบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นหลักสำคัญประการหนึ่งของลูกเสือ ที่ได้รับการยกย่องจากประชาชนทั่วไป ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ ผู้ปกครอง และผู้กำกับลูกเสือควรหาโอกาสให้ลูกเสือได้บำเพ็ญประโยชน์ โดยเริ่มจากเรื่องที่ใกล้ตัวก่อน เช่น ที่บ้าน ควรส่งเสริมให้เด็กทำงานในบ้าน ช่วยเหลือพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อครอบครัว อันเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีให้แก่เด็ก ที่โรงเรียนหรือชุมชน ควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำงานอันเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ต่อโรงเรียน และชุมนุมให้มากที่สุด โดยสอนให้ลูกเสือตระหนักว่างานเป็นสิ่งที่มีเกียรติ งานเท่านั้นเป็นเครื่องวัดคุณค่าของคน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า งานชุมนุมลูกเสือในครั้งนี้ นอกจากจะมีลูกเสือเนตรนารีจากภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยแล้ว ยังมีลูกเสือจากประเทศเพื่อนบ้าน และลูกเสือจากต่างประเทศมาร่วมงานด้วยถึง 6 ประเทศ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้ศึกษาขนบธรรมเนียม ประเพณีของเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างกัน ได้เชื่อมความสัมพันธ์อันดี ตลอดจนได้มีโอกาสแสดงถึงไมตรีจิตของคนไทย จึงขอให้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แสดงออกให้ประเทศเพื่อนบ้านเราได้เห็นว่า คนไทยมีอัธยาศัยดี มีความจริงใจ และมีความพร้อมที่จะจับมือกันพัฒนาความก้าวหน้าไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

?          จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณคณะกรรมการจัดงาน ผู้ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนตามกลไกประชารัฐ ลูกเสือเนตรนารี และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้มุ่งมั่นทุ่มเทในการดำเนินกิจกรรมเพื่อให้เยาวชนของชาติ ได้รับการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมอันดี ตลอดจนการสร้างสรรค์สิ่งดีงามร่วมกัน และขอให้คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ ผู้บังคับบัญชา ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมให้ลูกเสือเนตรนารี ในห้วงเวลา 5 วัน โดยใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้เยาวชนผู้เข้าร่วมงานชุมนุมได้รับประสบการณ์และทักษะชีวิต มีความสมัครสมานสามัคคี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อันจะส่งผลให้เกิดความมั่นคงของชาติบ้านเมืองสืบไป

ต่อจากนั้น ลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับบัญชาลูกเสือเดินสวนสนาม และนายกรัฐมนตรีพบปะลูกเสือ เนตรนารีแต่ละค่ายย่อยและลูกเสือจากต่างประเทศ พร้อมกล่าวขอบคุณที่มาช่วยกัน ซึ่งเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ประชาชนมีหลายระดับ ต้องยกระดับประชาชนให้ดีขึ้นและร่วมกันคิดพัฒนาไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมร่วมทวิภาคี พหุภาคี เป็นสังคมแห่งวัฒนธรรมอยู่ร่วมกันได้เป็นโลกแห่งสันติสุขและต้องรักกัน

......................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ