โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,273 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,794 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 717,921 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 115,057 ราย โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 34,279 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 32,658 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 21 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ปทุมธานี และกรุงเทพฯ(จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 28 คน
ทั้งนี้ ส่งผลให้อุบัติเหตุทางถนนรวม 5 วัน(11-15 เม.ย.57) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,481 ครั้ง(ปี 2556 เกิด 2,290 ครั้ง) เพิ่มขึ้น 191 ครั้ง ร้อยละ 8.34 ผู้เสียชีวิตรวม 248 ราย(ปี 2556 เสียชีวิต 256 ราย) ลดลง 8 ราย ร้อยละ 3.13 ผู้บาดเจ็บรวม 2,643 คน(ปี 2556 บาดเจ็บ 2,439 คน ) เพิ่มขึ้น 204 คน ร้อยละ 8.36 จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต(ตายเป็นศูนย์) รวม 8 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ชัยนาท เพชรบุรี ลพบุรี อ่างทอง นราธิวาส พังงา และยะลา จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 91 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและเชียงใหม่ (จังหวัดละ 101 คน)
ขณะที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 5 วันที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ขณะที่จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นการเมาแล้วขับ และการขับรถเร็วเกินอัตราที่กำหนด ซึ่งในวันนี้คาดว่าประชาชนจำนวนมากอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ
"ศปถ.ได้กำชับให้จังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน สนธิกำลังปฏิบัติการลดอุบัติเหตุทางถนนเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน โดยจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ และจุดบริการ เข้มข้นการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เน้นบนถนนสายหลักและเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด กวดขันและเพิ่มความถี่ในการตรวจจับรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสาร รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถตู้โดยสาร รถรับจ้างประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสำหรับจังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครขอให้ปรับแผนการปฏิบัติงาน เน้นเส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ โดยเปิดช่องทางพิเศษและปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับปริมาณรถ เพื่อระบายการจราจรให้มีความคล่องตัวและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดี ปภ. ในฐานะเลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุในช่วงเดินทางกลับจากวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักมีสาเหตุมาจากการง่วงแล้วขับ จึงขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนวางแผนการเดินทาง โดยเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน จอดรถพักทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกระยะ 150-200 กิโลเมตร ในบริเวณที่ปลอดภัย อาทิ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจุดบริการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง และป้องกันอาการอ่อนล้าที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการง่วงแล้วขับ หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุทางถนนสามารถแจ้งเหตุและติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป