นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะทำงานวินิจฉัยยืนยัน 1 ชุด ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและด้านการแพทย์ โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญเป็นประธาน ซึ่งจะให้คำแนะนำในการวินิจฉัยรักษาผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยทุกรายโดยจะพิจารณาข้อมูลทั้งด้านผลการตรวจทางคลินิก ผลการสอบสวนด้านระบาดวิทยาและผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ
นพ. ณรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข ไม่ควรเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อโซเซียลมีเดียโดยยังไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และอาจทำให้ตื่นตระหนกในวงกว้าง ไม่ส่งผลดีต่อประเทศ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงข่าวทุกวัน โดยทีมโฆษกของกระทรวงฯ
"ขณะนี้ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคอีโบลาในประเทศ กำลังสอบสวนผู้เดินทางจากประเทศติดโรค 1 ราย ย้ำสื่อมวลชน ประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือในโซเซียลมีเดีย...กระทรวงสาธารณสุข มีการตั้งทีมงานโฆษกแถลงข่าวสื่อมวลชน"
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการวินิจฉัยผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลา จะใช้เกณฑ์ที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐานซึ่งรวมถึงการมีไข้ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป และมีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค ซึ่งขณะนี้มี 4 ประเทศ คือ กินี เซียร์ร่าลีโอน ไลบีเรีย และ เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย โดยกรณีคนไทยที่อยู่ระหว่างสอบสวน จะตามดูอาการประมาณ 2-21 วัน เฝ้าระวังผู้ใกล้ชิดอีก 13 คน
ส่วนกรณีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อทั้งชาวเวียดนามและพม่ารวม 3 ราย กระทรวงสาธารณสุขกำลังประสานงานตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 2 ประเทศอย่างใกล้ชิด และจะแจ้งประชาชนทันทีเมื่อได้รับผลการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ
ด้าน นพ.วงวัฒน์ ลิ่วลักษณ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า จะทราบผลตรวจจากการเจาะเลือดประมาณ 2 วัน แต่ดูแล้วคงไม่ค่อยมีอะไร มีแต่ผื่น ซึ่งจริงๆ อาการของโรคต้องมีไข้ เมื่อดูจากประวัติและอาการของผู้ต้องสงสัยก็ไม่มีการไปคลุกคลีกับผู้ป่วย เพราะทำงานแต่ในออฟฟิศ