เครือ SCC เซ็น MOU ยกระดับงานวิจัยเทคโนโลยีแสงซิตรอนเพื่อวัสดุก่อสร้าง

ข่าวทั่วไป Friday August 29, 2014 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาสตราจารย์นาวาอากาศโทสราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เปิดเผยภายหลังการร่วมลงนามขยายระยะเวลาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านวัสดุก่อสร้าง กับ บริษัท สยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัด เพื่อยกระดับงานวิจัยไทย โดยเฉพาะงานวิจัยทางด้านปูนซีเมนต์ เนื่องจากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง และมีแห่งเดียวในเมืองไทย คือ ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จังหวัดนครราชสีมา

แสงซินโครตรอนสามารถให้ข้อมูลเชิงลึก ในการวิเคราะห์โครงสร้างของวัสดุก่อสร้างได้ ทั้งในระดับอะตอม ระดับนาโนเมตร โครงสร้างผลึกและการจัดเรียงตัวของโมเลกุล ซึ่งโครงสร้างเหล่านี้สัมพันธ์โดยตรงกับคุณสมบัติของวัสดุ สามารถนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการได้

ก่อนหน้านี้ ทั้งสององค์กรได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเมื่อปี พ.ศ. 2555 เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งในด้านวิชาการ ได้แก่ การใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอนจากนักวิจัยของบริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งประสบความสำเร็จ มีผลงานวิจัยที่นำเสนอในการประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติ นอกจากนั้นยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านงานบริหารองค์กร โดยเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า บริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัดมีโครงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง โปร่งใส และมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของการบริหารองค์กร

ด้านนายปริญญา สายน้ำทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัด ในเครือ SCG Cement-Building Materials เปิดเผยว่า การที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าอยากได้และสามารถไปแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น จำเป็นที่เราจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงองค์ประกอบและสมบัติของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่เรามี เพื่อที่จะทำให้เราสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปต่อยอด และสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ได้ โดยการที่จะได้มาซึ่งความรู้เชิงลึกเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า ซินโครตรอน"

“การลงนามขยายเวลาบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อการพัฒนานวัตกรรมของไทยอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของงานวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ"ดร.ปริญญา กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ