"อาจเป็นกลุ่มที่อาจจะใกล้เคียงกับกลุ่มที่เราเคยควบคุมตัวไว้ หลบหนีเข้าเมือง อาจจะไม่พอใจบางส่วนที่เราดำเนินการกับพวกเขา ญาติพี่น้องเขา เราต้องใช้ความระมัดระวังในการสืบสวน เพื่อไม่ให้สาเหตุการโกรธเคืองขยายผลไป หลักฐานทั้งหมดต้องพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนทำแน่นอน เห็นพาสปอร์ตปลอมเป็นตั้งประมาณ 200 เล่มไหม เป็นกระบวนการในการนำคนมาแล้วแปลงสัญชาติส่งไปประเทศที่สาม เดิมเป็นกระบวนการนี้อยู่ แต่เราไปทลายกระบวนการนี้ก็น่าจะมีความโกรธแค้นทำให้เกิดเรื่องพวกนี่ขึ้นได้"พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสืบสวนสอบสวนชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวต่อ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่วางระเบิด หรือเป็นหนึ่งในกระบวนการเท่านั้น ซึ่งเห็นว่ายังมีความเป็นไปได้ทั้งสองด้าน โดยจะมีการสอบสวนข้อมูลการใช้โทรศัพท์ในวันที่เกิดเหตุเพื่อเชื่อมโยงถึงบทบาทของผู้ต้องสงสัยดังกล่าว รวมถึงจะมีการสืบสวนในอีกหลายจุดเพิ่มเติมด้วย และทำการพิสูจน์สัญชาติของชายต่างชาติคนดังกล่าวต่อไป
สำหรับการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าว เป็นการปฎิบัติงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ซึ่งตามข้อมูลและหลักฐานประกอบต่างๆที่พบในระหว่างการตรวจค้นและจับกุม ทำให้มีความเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการสืบทางโทรศัพท์ และข้อมูลทางการข่าวอีกส่วนหนึ่ง ขณะที่ยังพบพยานหลักฐานสำคัญคือชิ้นส่วนของลูกปืนและฝักแคระเบิด รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิดอีกหลายประเภท ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบทางเคมีต่อไป แต่เบื้องต้นพิจารณาจากภายนอกพบว่า ขิ้นส่วนฝักแคระเบิดตรงกับที่ระเบิดที่ท่าเรือสาทร ส่วนที่ราชประสงค์นั้นยังไม่ชัดเจนเพราะระเบิดเผาไหม้หมด อย่างไรก็ตามยังมีอุปกรณ์บางส่วนที่มีชิ้นส่วนตรงกันกับเหตุระเบิดทั้งที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทรด้วย ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงเมื่อช่วงเที่ยงว่า การดูแลผู้บาดเจ็บสำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น ยังคงมีผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 31 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้รับผิดชอบโดยตรงกำลังดูแลอย่างดีที่สุด ส่วนงานการสืบสวนนั้นหลังจากที่ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้ว ปัจจุบันอยู่ขั้นตอนเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจยึดมาได้เพื่อขยายผลเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ยังพร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้อย่างดีที่สุด และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาในทุกมิติเพื่อจะคลี่คลายคดีนี้ และขอให้ระมัดระวังสำหรับการวิจารณ์ อย่านำไปเชื่อมโยงต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลทางลบต่อประเทศชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สุดท้ายขอขอบคุณผู้ที่ได้แจ้งข้อมูลเบาะแสต่าง ๆ มายังศูนย์ติดตามสถานการณ์คสช. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์สายด่วน 1515 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะได้ถูกส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปแล้ว อนึ่ง ไทยเผชิญกับเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนเมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาบริเวณศาลพระพรหมแยกราชประสงค์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและต่างชาติ 20 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน และต่อมาในวันที่ 18 ส.ค.ได้เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งที่บริเวณท่าเรือสาทร แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว