ซึ่งการกระทำตามมาตรา 32 มีหลักเกณฑ์การพิจารณาความผิด 2 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 “โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" อันหมายถึง การกระทำไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ทางการค้า ดังนั้น หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าดาราหรือบุคคลผู้มีชื่อเสียง กระทำการใดๆข้างต้นแล้วเกิดประโยชน์ทางการค้าต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ถือว่าเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายแล้ว ยิ่งถ้ามีข้อมูลยืนยันเพิ่มเติมว่าได้รับค่าจ้างในการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังกล่าว ย่อมเป็นความผิดอย่างแจ้งชัดขึ้น เพราะถือเป็นการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมายอย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่ามีการกระทำอันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มประกอบ
กรณี 2 “การแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรืออ้อม" โดยเป็นการแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ใช่การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้า ซึ่งจะเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์ประกอบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจประกอบอยู่ด้วยเท่านั้น ดังนั้น แม้ดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงจะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยตรงหรือไม่ได้รับค่าจ้างในการกระทำดังกล่าว ก็อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำอันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อมแล้วเพราะตนเองเป็นบุคคลสาธารณะที่เด็ก เยาวชน และบุคคลทั้งไปนิยมชมชอบและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม จึงย่อมเป็นความผิดเช่นกัน นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวอีกว่า หากดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง กระทำการโพสต์ภาพสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะได้รับค่าจ้างหรือไม่ได้รับค่าจ้างก็ตาม ถือเป็นการกระทำผิดฐานโฆษณาอันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 สำหรับทุกคนและทุกวิธีการ ซึ่งมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยขณะนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค เตรียมรวบรวมหลักฐานจากสื่อออนไลน์ที่ลงภาพในลักษณะที่เข้าข่ายความผิด ทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคล รวมถึงการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นดารานักแสดง แล้วนำเข้าคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โทร 02 590 3342 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรคโทร 1422