ปปง.อายัดบัญชีเงินฝาก-ทรัพย์สิน"คชาชาติ-ปรากรม-หมอหยองและพวก"กว่า 44 ลบ.

ข่าวทั่วไป Thursday November 26, 2015 12:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้มีหนังสือมายังสำนักงาน ปปง.ขอให้ตรวจสอบข้อมูลทางการเงิน และรายงานข้อเท็จจริงในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวกนั้น

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา กับพวก มีพฤติการณ์ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา กระทำการอย่างใดๆ ให้บุคคลมิให้ต้องโทษ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 และเป็นเจ้าพนักงานรัฐ ปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 และเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5) ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือความผิดต่อหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา โดยในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 14/2558 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2558 คณะกรรมการธุรกรรม มีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และพวกเพิ่มเติมอีก 2 คดี โดยกล่าวโทษ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต หรือ โจ้ บุญดี ร่วมกันกระทำความผิดในฐานความผิดมาตรา 112 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง และเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ศาลทหารกรุงเทพ ได้ออกหมายจับพ.อ. คชาชาต บุญดี ในข้อหาดังกล่าว

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว พฤติการณ์ของพ.อ.คชาชาต บุญดี กับพวก จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 และเป็นการกระทำโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นและประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และด้วยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม อันอาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) มาตรา 3 (5) และมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ ได้แก่ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร สิทธิเรียกร้องในตั๋วแลกเงิน และห้องชุด และปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าว พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก (นางสาวสุรีวรรณ ชาญยุทธิ์, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์, พ.อ.คชาชาต บุญดี และนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์) ได้มาในระหว่างที่กระทำความผิดมูลฐานดังกล่าว

และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ประกอบด้วย ทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร สิทธิเรียกร้องในตั๋วแลกเงินอันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด ซ่อนเร้นได้โดยง่าย และทรัพย์สินประเภทห้องชุดอันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครอง โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว หากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว

ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 15/2558 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 คณะกรรมการธุรกรรม อาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 รวมทรัพย์สินที่อายัดไว้ชั่วคราวทั้งสิ้น จำนวน 11 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 44,330,069.44 บาท ได้แก่

(1) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ของนางสาวสุรีวรรณ ชาญยุทธิ์ จำนวน 1 บัญชี จำนวน 39,549.40 บาท

(2) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ของนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ จำนวน 1 บัญชี จำนวน 352,809.74 บาท

(3) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ของพ.อ.คชาชาต บุญดี จำนวน 1 บัญชี จำนวน 317,839.62 บาท

(4) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของพ.อ.คชาชาต บุญดี จำนวน 2 บัญชี รวมจำนวน 10,219,870.68 บาท

(5) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ (โดยเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด) จำนวน 1 บัญชี จำนวน 800,000 บาท

(6) เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ของพ.อ.คชาชาต บุญดี จำนวน 2 บัญชี รวมจำนวน 9,800,000 บาท

(7) ตั๋วแลกเงิน ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ของพ.อ. คชาชาต บุญดี จำนวน 20,000,000 บาท

(8) ห้องชุด พหลโยธินปาร์ค เลขที่ 127/21 ชั้น 3 อาคารเลขที่ 3 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ราคา 1,800,000 บาท ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์

(9) ห้องชุด พหลโยธินปาร์ค เลขที่ 127/18 ชั้น 3 อาคารเลขที่ 3 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ราคา 1,000,000 บาท ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ