ก.เกษตรฯ ปรับแผนระบายน้ำเขื่อนแควน้อยฯและเขื่อนป่าสักฯ รองรับน้ำหลากปลายฤดูฝน, คาดเกิดลานีญาช่วงปลายปี

ข่าวทั่วไป Friday July 8, 2016 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงการเตรียมปรับแผนการระบายน้ำในช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค. ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้าน ลบ.ม. ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ทั้งสองเขื่อนสามารถรับน้ำได้เพียง 611 ล้าน ลบ.ม. และ 784 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ ทำให้เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน เขื่อนทั้งสองแห่งมีแนวโน้มที่น้ำจะเต็มเขื่อน

ดังนั้นเพื่อไม่ให้ต้องระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูน้ำหลาก จึงได้ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ เพิ่มมากขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ จากเดิมเขื่อนแควน้อยฯ ระบายน้ำในอัตราวันละ 2.44 ล้าน ลบ.ม. เป็นระบายน้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม. ส่วนเขื่อนป่าสักฯ จะเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมที่ระบายในอัตราวันละ 2.16 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มเป็น 3-5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

การปรับเพิ่มการระบายน้ำในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและส่งผลดีต่อพื้นที่เพาะปลูก ข้าวนาปี ในเขตของโครงการชลประทานเขื่อนแควน้อยฯ และโครงการชลประทานเขื่อนป่าสักฯ ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกประมาณ 220,000 ไร่ จะสามารถทำนาปีได้อย่างเต็มพื้นที่ รวมไปถึงพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกกว่า 814,000 ไร่ จะสามารถทำนาปีได้อย่างเต็มพื้นที่ ทั้งนี้การเพิ่มการระบายน้ำจากทั้งสองเขื่อนจะไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำเก็บกักสำหรับใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 10 เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน คาดการณ์ว่าสถานการณ์ในน้ำเขื่อนทั้งสองแห่งจะมีปริมาณเต็มเขื่อนพอดี

ขณะที่การประเมินผลโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้สำรวจข้อมูลการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 8 มาตรการ ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-15 พ.ค.59 ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทุกภาคของประเทศ จำนวน 61 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 4,085 ราย พบว่า เกษตรมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในภาพรวมทุกมาตรการ ร้อยละ 53 และมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในมาตราที่ 3 การจ้างงาน ร้อยละ 48 มาตราที่ 4 โครงการตามความต้องการของชุมชน ร้อยละ 66 มาตราที่ 7 การเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัย ร้อยละ 62 และมาตรการที่ 8 การช่วยเหลือตามระเบียบ ของกระทรวงการคลัง การอบรมเพิ่มผลิตภาพการผลิต (อบรมช่วงภัยแล้ง) ร้อยละ 53

ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องนั้น กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ได้ประเมินสถานการณ์ตรงกันว่า ขณะนี้คาดว่าไม่มีปรากฏการณ์เอลนีโญแล้ว แต่ปรากฏการณ์ลานีญาอาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปี 2559 ประมาณเดือน ก.ย.-ต.ค. 59 ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ที่จะมีปริมาณฝนมากกว่าทุกภาค แต่ปริมาณฝนยังใกล้เคียงกับค่าปกติ ขณะที่ปริมาณฝนในปัจจุบันมากกว่าปี 2558 โดยปริมาณฝนรวมเฉลี่ยรายภาค ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.- 6 ก.ค.59 สูงกว่าปี 2558 ในทุกภาค และส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับค่าปกติ

สำหรับสถานการณ์น้ำใช้การได้ใน 33 เขื่อนหลัก ขณะนี้ (8 ก.ค.59) มีปริมาณ 7,816 ล้าน ลบ.ม. เปรียบเทียบกับปี 2556, 2557, 2558 พบว่ามีปริมาณที่ใกล้เคียงกัน โดยมีปริมาณ 8,600 , 9,200 และ 8,400 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ ส่วนน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มีปริมาณรวม 1,579 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งมากกว่าปี 2558 ที่มีปริมาณ 703 ล้าน ลบ.ม. จึงนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบใน 4 เขื่อนหลัก น้ำในเขื่อนภูมิพลยังคงมีปริมาณน้อย โดยขณะนี้เก็บกักน้ำได้เพียง 287 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 30 ของพื้นที่เก็บกักน้ำ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556,2557 และ 2558 ในวันเดียวกันที่มีปริมาณ 3,090 ล้าน ลบ.ม., 290 ล้าน ลบ.ม. และ 200 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับ ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางเก็บกับน้ำในเขื่อนภูมิพลให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการคาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การได้ใน 33 เขื่อนหลักนั้น ขณะนี้ (8 ก.ค.59) มีปริมาณน้ำ7,816 ล้าน ลบ.ม. คาดการณ์ ณ วันที่ 1 ส.ค. 59 จะมีปริมาณ 10,134 ล้าน ลบ.ม. , วันที่ 1 ก.ย. 59 มีปริมาณ 16,038 ล้าน ลบ.ม. และวันที่ 1 ต.ค.59 มีปริมาณ 23,746 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่น้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีน้ำใช้การได้ 1,579 ล้าน ลบ.ม.นั้น คาดการณ์ ณ วันที่ 1 ส.ค. 59 จะมีปริมาณน้ำ 2,155 ล้าน ลบ.ม. ณ วันที่ 1 ก.ย. 59 มีปริมาณ 4,614 ล้าน ลบ.ม. และ ณ วันที่ 1 ต.ค.59 คาดการณ์ว่ามีปริมาณ 8,304 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งรับน้ำฝนจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนจะมีน้ำเข้ามากช่วงเดือน ส.ค., ก.ย. และ ต.ค. ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนจะมีน้ำเข้ามามากในช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย. หลังจากนั้นน้ำจะล้นเขื่อนจึงต้องระบายออก ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีน้ำเข้ามากช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย. หลังจากนั้นน้ำจะล้นเขื่อนต้องระบายออก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ