กรมชลฯ เร่งระบายน้ำลงอ่าวไทยอย่างต่อเนื่องหลังฝนตกน้อยลงในระยะนี้-เฝ้าระวังช่วง 14-15 ต.ค.

ข่าวทั่วไป Monday October 10, 2016 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ได้คาดการณ์สภาวะฝนในระยะนี้ว่า ในช่วงวันที่ 10-13 ต.ค.59 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางฝนจะลดน้อยลง ทำให้มีช่วงเวลาที่จะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อลดปริมาณน้ำในพื้นที่ตอนบนของเขื่อนเจ้าพระยา

ปัจจุบัน (10 ต.ค. 59) มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,269 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มเป็นอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาสมดุลระหว่างปริมาณน้ำเหนือเขื่อนและปริมาณน้ำระบายท้ายเขื่อน และเพื่อให้มีพื้นที่ว่างรองรับปริมาณน้ำที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ จะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณตั้งแต่ 25-75 เซนติเมตร

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 14-15 ต.ค.59 ที่กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร คาดการณ์ว่าจะมีฝนที่ตกชุกกระจายในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออกอีกครั้ง ทำให้มีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มมากขึ้นอีก ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักฯ จะไหลลงสู่เขื่อนพระรามหก กรมชลประทานได้ควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในเกณฑ์ 600 – 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนพระรามหก ในเขต อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะไหลไปรวมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 2,114 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาณน้ำในเกณฑ์ปกติของฤดูกาล และจะไม่ทำให้เกิดน้ำล้นคันกั้นน้ำเข้าไปท่วมในเขตชุมชนหรือพื้นที่เศรษฐกิจ บริเวณจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ