(เพิ่มเติม) ทอท.-รฟม.-แอร์พอร์ตเรลลิงก์ เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังการก่อเหตุวินาศกรรม

ข่าวทั่วไป Tuesday October 11, 2016 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ให้เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรม และการลอบวางระเบิดสถานที่เชิงสัญลักษณ์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญนั้น ในส่วนของ ทอท.ซึ่งบริหารท่าอากาศยาน 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันใช้มาตรการการรักษาความปลอดภัย ระดับ 3

โดย ทอท.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าติดตามด้านการข่าว และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพิ่มวงรอบของทุกส่วนงานรักษาความปลอดภัย ได้แก่ เพิ่มวงรอบของชุดตรวจผสมตระเวนตรวจพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานและในเขตการบิน การตระเวนระงับเหตุ การรักษาการณ์ การจราจร การตรวจค้นสัมภาระติดตัวผู้โดยสารและสัมภาระบรรทุก การตระเวนสุ่มตรวจของหน่วยทำลายวัตถุระเบิด รวมทั้งการออกบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะ ยกเลิกการจอดรถหน้าชานชาลาทุกประเภท งดออกบัตรอำนวยความสะดวกทุกประเภท และเฝ้าระวังด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งตรวจสอบการทำงานของ CCTV และได้ประสานขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจัดชุดตรวจผสมออกสุ่มตรวจในจุดล่อแหลม นอกจากนั้นยังได้เตรียมกำลังพลไว้รองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินพร้อมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน อีกทั้งประสานงานด้านการข่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล และตำรวจท้องที่อย่างใกล้ชิด

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า ขอความร่วมมือผู้โดยสารและผู้ใช้บริการท่าอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน เพื่อให้การบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ และหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัย หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center โทรศัพท์ 1722

ด้านนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล สายฉลองรัชธรรม และหน่วยงานด้านความปลอดภัยของ รฟม. ให้ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดหลังจาก สตช.และหน่วยงานความมั่นคง ประกาศเตือนการก่อเหตุวินาศกรรมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 25-30 ตุลาคม 2559

โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย 1.จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. 2.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้โดยสาร 3.ตรวจบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟฟ้า MRT และภายในสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เพื่อป้องกันเหตุโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ 4.จัดรถยนต์สายตรวจรอบบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงคลองบางไผ่ และศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวาง ทุก 1 ชั่วโมง 5.จัดกำลังหน่วยทำลายวัตถุระเบิด (EOD) และสุนัข K-9 ตรวจตราและเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง 6.เตรียมกำลังหน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง 7.ประสานงานเพื่อตรวจสอบข่าวกับหน่วยความมั่นคงและตำรวจสันติบาลตลอดเวลา 8.เพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และที่เก็บของท้ายรถยนต์ ที่เข้ามาใช้บริการในอาคารและลานจอดรถของ รฟม.ทุกแห่ง

นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ออกมาประกาศเตือนให้ระวังการก่อเหตุวินาศกรรมในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ช่วงระหว่างวันที่ 25 – 30 ตุลาคม 2559 บริษัทฯจึงได้ให้มีการเน้นย้ำความเข้มงวดด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการแก่ผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า อันเป็นมาตรการที่บริษัทฯได้บังคับใช้มาโดยตลอดภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อช่วงเดือนมีนาคม รวมทั้งเหตุการณ์ระเบิดในประเทศตุรกี เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน และเหตุการณ์ความไม่สงบ ทั้งการวางระเบิด และเกิดไฟไหม้สถานที่สำคัญในหลายจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยช่วงเดือนสิงหาคม โดยเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงป้องกันเป็นการเฉพาะเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาที่จำกัด โดยมีความเป็นไปได้สูงที่อาจเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบความปลอดภัยหรือเกิดภัยคุกคาม แม้ว่าจะไม่สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

โดยมีมาตรการต่างๆ ได้แก่

1. เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารบริเวณสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี

2. เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลและวัตถุต้องสงสัยที่เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า

3. เตรียมกำลังพลชุดสุนัขตรวจวัตถุระเบิด (K9)

4. เพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และท้ายรถยนต์ที่จะเข้ามาในลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ