กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงเรื่องการเกิดคลื่นความร้อน หรือ ฮีตเวฟ (Heat Wave) บริเวณประเทศไทยว่า ตามที่มีการส่งต่อข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค.นี้ จะเกิดคลื่นความร้อน หรือ ฮีตเวฟ (Heat Wave) บริเวณประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์อีควิน็อกซ์ (Equinox) ทำให้อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้เกิดโรค "ลมแดด หรือ ฮีทสโตรก" ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้"นั้นว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ได้มีที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศต่างๆ ข้างต้นแต่อย่างใด
สำหรับปรากฏการณ์ "อีควิน็อกซ์" (Equinox) นั้นเป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับบริเวณเส้นศูนย์สูตรพอดี ทำให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืน และจะเกิดขึ้นวันที่ 20 หรือ 21 มี.ค. ของทุกๆ ปี และไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้เกิดคลื่นความร้อน หรือ ฮีตเวฟ แต่อย่างใด และในช่วงวันดังกล่าวของปีนี้ บริเวณประเทศไทยไม่ได้มีอากาศร้อนจัด เนื่องจากคาดการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 14 - 19 มี.ค.นี้ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ส่งผลให้อากาศคลายความร้อนลง ส่วนช่วงที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนเม.ย.-ต้นพ.ค.เหมือนทุกๆ ปี และปีนี้จะไม่ร้อนมากกว่าปี 59 ที่ผ่านมา
กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงอีกว่า สำหรับคลื่นความร้อนนั้น จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงสุดประจำวันสูงกว่าค่าปกติ โดยเฉลี่ยมากกว่า 5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเกินกว่า 5 วันขึ้นไป ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยจะไม่มีคลื่นความร้อนเกิดขึ้น แม้ว่าอุณหภูมิในตอนกลางวันจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะสูงไม่เกินค่าปกติมากนัก และในช่วงกลางคืนถึงช่วงเช้า อากาศจะคลายความร้อนลง ทำให้ไม่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน
ส่วนกรณีของโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรกนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ป่วย ผู้สูงวัย เด็ก ผู้ที่ทำงานหรือประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ