สธ. เผยทั่วโลกมีเด็กไม่ได้รับวัคซีน/รับไม่ครบสูงถึง 19.4 ล้านคน, เร่งหนุนวัคซีนใหม่เข้าอยู่ในชุดวัคซีนพื้นฐาน

ข่าวทั่วไป Sunday April 23, 2017 11:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกยังมีเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบสูงถึง 19.4 ล้านคน องค์การอนามัยโลกจึงได้กำหนดให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 24–30 เมษายน 2560 เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโลก (World Immunization Week) เพื่อให้ประเทศสมาชิกเร่งรณรงค์การใช้วัคซีนป้องกันโรคแก่คนทุกวัย เนื่องจากวัคซีนเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการป้องกันควบคุมโรค การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้กับประชาชนเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจะช่วยลดปัญหาการระบาดของโรคในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน บรรลุเป้าหมายป้องกันการเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนในปี 2563

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนมาตั้งแต่ พ.ศ.2520 ปัจจุบันเด็กได้รับวัคซีนป้องกันโรคทั้งสิ้นรวม 10 โรค ได้แก่ วัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน คางทูม และไข้สมองอักเสบเจอี อัตราการให้วัคซีนความครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 90 มาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ทำให้สถานการณ์โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนของไทยลดลงจนไม่เป็นปัญหาสาธารณสุข โดยเฉพาะการกำจัดโรคโปลิโอที่ไม่พบผู้ป่วยมา20ปี ล่าสุดในปีนี้ได้เตรียมจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ให้แก่นร.หญิงชั้นป.5 ทุกคน สิ่งสำคัญคือขอให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปรับวัคซีนพื้นฐานให้ครบตามช่วงอายุที่กำหนด ฟรี ที่สถานพยาบาลรัฐใกล้บ้านทุกแห่ง

สำหรับวัคซีนใหม่ ๆ ที่จะนำมาบรรจุในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการนำวัคซีนใหม่บรรจุในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2560 – 2564) ซึ่งในปี 2560 คือ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ส่วนในปี 2561 – 2564 จะทราบผลในปลายปีนี้ นอกจากนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรคขยายการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้ครอบคลุมมากขึ้น ใน 2 กลุ่มคือ กลุ่มวัยทำงาน ให้ได้รับวัคซีนคอตีบและบาดทะยักกระตุ้นทุก 10 ปี ในคลินิกผู้ใหญ่ และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ขณะนี้ได้ดำเนินการนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช

สำหรับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี ได้แก่ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีทุกคน ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ธาลัสซีเมียผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคอ้วน โดยในปี 2560 กำหนดรณรงค์ให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชน ระหว่างเดือนมิถุนายน–สิงหาคม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ