กรมชลฯ สั่งเฝ้าระวังน้ำหลากในพื้นที่เสี่ยง 5 จ.-รับมือฝนตกหนักน้ำท่วมภาคกลาง

ข่าวทั่วไป Friday May 26, 2017 16:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 24-29 พฤษภาคม 2560 จะยังคงมีฝนตกหนัก กรมชลประทานยังได้สั่งการให้เฝ้าระวังน้ำหลาก โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลกเป็นพิเศษ รวมทั้งบริเวณพื้นที่อำเภอจอมทอง อำภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ที่อาจมีน้ำป่าไหลหลากด้วย นอกจากนี้ยังได้เตรียมพร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรหนัก รถขุด เครื่องสูบน้ำ เพื่อเข้าสนับสนุนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดน้ำท่วม เฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ลุ่มในเขตจังหวัดลพบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก เกิดจากฝนที่ตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน โดยเฉพาะที่ที่อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ยังมีมวลน้ำจากที่อำเภอพรานกระต่าย จ.กำแพงเพชรที่อยู่ทางด้านบนและมีความลาดชันสูง ไหลลงมาสบทบอีก ส่งผลให้ที่อำเภอคีรีมาศ ซึ่งมีสภาพเป็นที่ลุ่ม การระบายน้ำลงสู่แม่น้ำยมทำได้ช้า จนเกิดภาวะน้ำท่วมขังหลายวันติดต่อกัน ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานได้เร่งการระบายโดยใช้เครื่องสูบน้ำและขยายทางน้ำแล้ว

สำหรับการแก้ไขปัญหาในช่วงเร่งด่วนนั้น กรมชลประทานได้ ตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ หากพบก็จะแก้ไขทันที เพื่อให้ระบายน้ำที่จากอำเภอพรานกระต่าย ถึงอำเภอคีรีมาศ ลงสู่แม่น้ำยมให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งได้ควบคุมการระบายน้ำที่ ประตูระบายน้ำ (ปตร.)บ้านหาดสะพานจันทร์ ให้ไม่เกิน 40 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อวินาที ควบคุมการระบายน้ำที่ ปตร.ยางซ้าย ให้ไม่เกิน 60 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำจากคลองสารบบและคลองสามพวงผ่าน ปตร.กม. 22 + 300

นอกจากนี้ยังได้เร่งระบายน้ำด้านท้าย ปตร.วังสะตือ โดยขณะนี้ที่ อำเภอพรานกระต่าย น้ำได้ลดลงแล้ว เพียงแต่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำแถว อำเภอคีรีมาศ แต่ระดับน้ำลดลงทุกวัน ส่วนอีกแห่งที่ประสบปัญหาน้ำท่วมคือ ที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก กรมชลประทานทำการระบายน้ำออกทางแม่น้ำน่านให้มากขึ้น เนื่องจากในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา ชาวบ้านไปทำฝายชั่วคราวกั้นลำน้ำเพื่อกักน้ำไว้ใช้จำนวนหลายแห่ง เมื่อน้ำไหลลงมามากจึงระบายไม่ทัน ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานร่วมกับทางจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และองค์การปกครองท้องถิ่นรื้อฝายที่ขวางทางน้ำออก อย่างไรก็ตามบางพื้นที่ฝายดังกล่าว อบต. เป็นผู้สร้าง จึงต้องทำเรื่องขอให้รื้อถอนออก เมื่อรื้อฝายออกแล้วทำให้การระบายน้ำทำได้มากขึ้นไปเป็นเท่าตัว

สำหรับการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่าน บริเวณสุโขทัยนั้น จะใช้คลองระบาย 2 สายของกรมชลประทาน สามารถระบายได้ 110 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำลดลงแล้วเช่นกัน แต่ถ้าหากการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3 – 4 วันแล้วเสร็จก็ทำให้ระบายน้ำมากขึ้น สถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า สถานการณ์น้ำท่วมขังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ