ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... ในวาระแรกด้วยคะแนนเสียง 150 ต่อ 0 งดออกเสียง 7 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ จำนวน 29 คน กำหนดแปรญัตติ 15 วัน และพิจารณาภายใน 60 วัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อที่ประชุม สนช.ว่า หลักการเหตุผลของร่างกฎหมายดังกล่าวต้องกานรปิดช่องโหว่เพื่อให้การบริหารงานของรัฐโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีความสุจริต ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดไว้แล้วหลายฉบั แต่ก็ยังมีช่องว่างว่าสิ่งใดถือเป็นความผิดหรือไม่ถือเป็นความผิด และยังมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างประโยชน์ส่วนตน หรือประโยชน์ส่วนรวมอยู่ จึงจำเป็นจะต้องสร้างความชัดเจน
จากนั้น สมาชิก สนช.แสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่มีทิศทางเดียวกันคือเห็นด้วย เพราะถือเป็นกฎหมายในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นในกรณีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นปัญหามานาน อย่างไรก็ตาม สมาชิก สนช.บางคนเสนอให้ปรับแก้คำจำกัด"เจ้าหน้าที่ของรัฐ"ให้ชัดเจนขึ้น เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการตีความ
นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับข้อห้ามไม่ให้ข้าราชการที่เพิ่งเกษียณอายุไม่ถึง 2 ปี เป็นกรรมการ ที่ปรึกษาในภาคธุรกิจเอกชน เนื่องจากคณะทำงานประชารัฐด้านสังคมมีความเห็นว่าคนอายุ 60 ปี ยังมีความสามารถทำงานได้ และยังเป็นที่ต้องการของภาคเอกชน รวมทั้งยังมีข้อข้อใจเกี่ยวกับคำว่า คู่สมรส ว่ากินความไปถึงความสัมพันธ์ในลักษณะใด ซึ่งนายวิษณุ ชี้แจงว่า ร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอคลอบคลุมไว้ทั้งหมดแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทก็รวมอยู่ด้วย