รัฐบาลกำชับองค์การเภสัชกรรมเร่งขึ้นทะเบียนผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปี 62 คาดกำลังผลิตเบื้องต้น 2 ล้านโด๊ส/ปี

ข่าวทั่วไป Wednesday August 23, 2017 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกขององค์การเภสัชกรรม ในจังหวัดสระบุรีว่า ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเร่งรัดการขึ้นทะเบียนและผลิตวัคซีนได้ภายในปี 2562 ส่วนกรณีที่มีการระบาดของโรคระหว่างนี้มีโรงงานต้นแบบสามารถผลิตวัคซีนเพื่อควบคุมสถานการณ์ได้ทันที

"ขอให้องค์การเภสัชกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ สามารถขึ้นทะเบียนและผลิตวัคซีนได้ในปี 2562 เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านวัคซีน ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย สามารถผลิตวัคซีนทั้งในสถานการณ์ปกติและในภาวะฉุกเฉินที่เกิดการระบาดใหญ่ได้" พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว

โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2550 ประกอบด้วยงานหลัก 2 ด้านคือ ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน และด้านการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน โดยให้ดำเนินการคู่ขนาน และสอดคล้องกันไป โดยการก่อสร้างโรงงานได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,411.7 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานในระดับอุตสาหกรรมมาตรฐาน WHO GMP ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างตัวโรงงานและการติดตั้งระบบสนับสนุนต่างๆ เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบคุณภาพ (Qualification) รวมถึงเครื่องจักร เครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการผลิตได้ติดตั้งแล้ว

สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานต่อไปจะเป็นขั้นตอนของการสอบระบบต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบห้องผลิตและระบบสนับสนุนการผลิต ระบบเครื่องจักรผลิต และกระบวนการผลิตให้ทำงานสอดประสานกัน เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพตามข้อกำหนดมาตรฐาน และนำไปทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อไป และเมื่อโรงงานได้รับการตรวจรับรองตามมาตรฐานการผลิตที่ดี GMP (Good Manufacturing Practice) หากมีความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดแล้ว คาดว่า ในปี 2562 ก็จะสามารถผลิตวัคซีนกระจายสู่ระบบสาธารณสุขของประเทศได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การผลิตวัคซีนเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องมีการลงทุนและแข่งขันสูง โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทวัคซีนขนาดใหญ่ทั่วโลก การเริ่มผลิตวัคซีนในช่วงแรกยังเป็นการผลิตด้วยกำลังการผลิตขั้นต่ำแล้วค่อยๆ ขยับขึ้นเพื่อความมั่นใจในด้านคุณภาพการผลิต ดังนั้นในช่วงต้นโรงงานจะต้องแบกรับกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง และไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ จึงจำเป็นที่จะต้องหากลไกมาช่วยแก้ปัญหานี้ เพื่อให้โรงงานสามารถดำเนินการได้ และเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศได้จริง โดยจะได้ตั้งคณะทำงานเข้ามาศึกษาดูว่ารัฐต้องให้การสนับสนุนอย่างไรบ้าง

ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ อภ.กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้จะมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (Seasonal Influenza Vaccine) เริ่มต้นปีละ 2 ล้านโด๊ส และสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 10 ล้านโด๊ส และในกรณีเกิดการระบาดใหญ่สามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Pandemic Influenza Vaccine) ได้ปริมาณเพียงพอต่อการใช้ของประชากรในประเทศ และภูมิภาคอาเซียนด้วย

โดยระหว่างนี้หากเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในประเทศ โรงงานต้นแบบที่มหาวิทยาลัยศิลปากรในจังหวัดนครปฐม และองค์การฯ มีใบอนุญาตผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็น เพื่อใช้ในการระบาดที่โรงงานต้นแบบนี้แล้ว ซึ่งถ้ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นจริงๆ องค์การฯ จะใช้โรงงานต้นแบบที่มหาวิทยาลัยศิลปากรผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็นเพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ แต่กำลังการผลิตไม่สูงมากนักประมาณ 2 แสนโด้สต่อเดือน จึงอาจต้องมีการพิจารณาให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงได้รับวัคซีนในช่วงแรกๆ ก่อน ดังนั้นจึงเห็นว่าการเร่งรัดให้โรงงานวัคซีนที่สระบุรีนี้มีความพร้อมในการผลิตวัคซีนให้ได้โดยเร็วที่สุดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะที่นี่เป็นโรงงานซึ่งมีกำลังการผลิตสูงในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งจะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในประชาชนได้ในวงกว้าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ