(เพิ่มเติม) นายกฯ ห่วงสถานการณ์น้ำสั่งเตรียมความพร้อมแจ้งเตือนปชช./รมว.เกษตรฯ ให้เร่งระบายน้ำรับมือพายุลูกใหม่

ข่าวทั่วไป Tuesday October 10, 2017 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนจากจากปริมาณน้ำที่ไหลจากตอนบนของประเทศ รวมถึงผลจากปริมาณฝนที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีของฝนที่ตกไม่ตรงตามฤดูกาล จากพายุดีเปรสชั่นต่างๆ จนทำให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำและแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ เช่น บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่รัฐบาลยืนยันมีการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับสถานการณ์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนได้ติดตามข้อมูล และการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้มีการเผยแพร่ข้อมูลตัววิ่งทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง เกี่ยวกับสถานการณ์และความเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ด้วย

ทางด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำประเทศไทยในเวลานี้ ในเขื่อนหลักมีปริมาณน้ำสะสม 79% โดยยังสามารถรับน้ำได้อีก 20% และเนื่องจากขณะนี้มีความเสี่ยงที่ประเทศจะต้องเจอกับสถาการณ์พายุฝน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำในจุดที่สำคัญแล้ว

จากการสำรวจพบว่าในพื้นที่ภาคอีสานและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดเชียงรายลงมามีปริมาณน้ำสะสมในเขื่อนค่อนข้างมาก และจะใกล้จะเต็มความจุของเขื่อน จึงมีแผนที่จะปัดน้ำผ่านทางระบายน้ำหลักของประเทศ เพื่อให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขง ผ่านทางลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องสูบน้ำทำงานอย่างเต็มที่ในการผลักดันน้ำให้ได้ตามเป้า

สำหรับพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ยังคงมีจุดเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ 3 จุด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดนครสวรค์ เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เวลานี้สามารถระบายน้ำได้ 2,250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่าต่ำกว่าจุดวิกฤติที่ 2,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ถือเป็นจุดสุดท้ายที่จะสังเกตว่าจะส่งผลกระทบถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ เป็นพื้นที่กว้างและสามารถระบายน้ำได้เวลานี้ 2,260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ถือว่าต่ำกว่าจุดวิกฤติที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนที่เกิดขึ้น แต่อาจจะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบบ้างในส่วนของพื้นที่นอกคันกันน้ำ ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลงมาจนถึงกรุงเทพมหานคร

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้เกินจุดวิกฤติแล้ว หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ว่าจะเกิดฝนตกหนักขึ้นอีกในช่วงวันที่ 12-14 ตุลาคมนี้

นอกจากนั้นยังได้สั่งการเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่ติดตั้งเครื่องมือระบายน้ำตามพื้นที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสุโขทัยหรือพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ โดยรายงานล่าสุด พบว่าพื้นที่ส่วนใต้ของจังหวัดนครสวรรค์ ใต้เขื่อนเจ้าพระยา มีพื้นที่รับน้ำทั้งหมด 12 ทุ่ง ได้ดำเนินการปัดน้ำเข้าไปแล้ว 70% ยังเหลือพื้นที่รองรับน้ำได้อีก 30% จึงคาดการณ์ว่าหากปริมาณฝนไม่มากจนเกินไป จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ตามเป้าที่วางไว้

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจถึงสถานการณ์น้ำอย่างถูกต้อง เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.นี้จะมีพายุก่อตัวจากเวียดนามเข้าสู่ประเทศไทยตอนบนทำให้มีฝนตกหนัก และจะมีผลกระทบในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่ามีความน่าเป็นห่วง โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเพียงพอแล้วออกมา เพื่อเปิดพื้นที่สำหรับรองรับปริมาณน้ำฝน และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ปริมาณน้ำที่จะปล่อยออกจากเขื่อนนั้น เดิมจะปล่อยไม่เกิน 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งทางฝั่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะไม่มีปัญหาการระบายน้ำจากเขื่อน แต่ฝั่งพื้นที่ภาคกลางนั้นอาจจะได้รับผลกระทบจากความจำเป็นที่ต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเกินกว่า 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งรอบนี้คาดว่าจะต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนประมาณ 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที ดังนั้นจึงอาจทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจนถึงอำเภอบางไทรได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำในเขื่อนดังกล่าว โดยพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำอาจทำให้มีระดับสูงขึ้นประมาณ 1.5 เมตร แต่พื้นที่ที่อยู่ในคันกั้นน้ำซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสามารถรองรับการปล่อยน้ำได้สูงสุดไม่เกิน 2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที

"ดังนั้นเขตกรุงเทพฯ เขตเศรษฐกิจ หรือพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหลาย ถ้ากรมอุตุฯ คาดการณ์ปริมาณฝนแบบนี้ วิธีการบริหารจัดการน้ำของกระทรวงเกษตรฯ เป็นแบบนี้ พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่จะไม่มีผลกระทบแต่ประการใด ท่านนายกฯ ย้ำว่าที่ชี้แจงมานี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นห่วงเฉพาะคนกรุงเทพฯ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม มากกว่าประชาชนทั่วไป แต่ต้องการชี้แจงข้อมูลที่แท้จริงให้ทราบ เพื่อจะไม่ได้ตกใจจากที่มีการปล่อยข่าวเรื่องเขื่อนแตก น้ำท่วม โดยยืนยันว่าสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลดูแลได้ โดยเฉพาะเขื่อนที่อยู่ในการดูแลของการไฟฟ้าฯ ปลอดภัย 100% แต่เขื่อนที่อยู่ในความดูแลของ อปท. นายกฯ ขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบ" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ