พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในการประชุมคสช.ได้มีการหารือการเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยเตรียมออกมาตรา 44 ในบางประเด็น เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น และเป็นการทำงานคู่ขนานในระหว่างรอการพิจารณาร่างพ.ร.บ.อีอีซี ในสภา
“ในเรื่องการลงทุนต่างๆในหลายประเทศก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาส่งเสริมการลงทุนมากมาย เราเองต้องเร่งพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคสช. ได้มีการพิจารณาใน 3 ประเด็นสำคัญเร่งด่วน คือ การดึงเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำผังเมืองรวมในพื้นที่ EEC ออกมาจากร่าง พ.ร.บ.หลักที่ต้องใช้เวลาอีก 5-6 เดือนจึงจะเริ่มดำเนินการได้ โดยให้มีผลบังคับใช้ไม่เกินสัปดาห์หน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
"จะดึงเอาเฉพาะเรื่องผังเมืองออกมา ทำให้นักลงทุนมั่นใจ แต่เนื้อหาจะไม่ขัดกัน" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมระบุว่า เดิมทีต้องรอให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องใช้เวลาจัดทำ 1-2 ปี แต่ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.จะให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหาร EEC จัดทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินแล้วเสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย EEC พิจารณาแล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการ EEC ไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะใช้เวลาราว 6 เดือน เสร็จแล้วเสนอให้คณะกรรมการนโยบาย EEC อีกครั้งเพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้กรมโยธาธิการฯ ไปจัดทำรายละเอียดโดยไม่ต้องยึดตามกฎหมายผังเมืองปกติ
นอกจากนี้ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้า คสช.เกี่ยวกับสิทธิในการรักษาพยาบาลของผู้พิการ สืบเนื่องจากที่ผ่านมามีการส่งเสริมให้คนพิการเข้าทำงาน ทำให้คนพิการที่มีงานทำต้องเปลี่ยนการใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากบัตรทอง (สปสช.) ไปเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายประกันสังคม (สปส.) ซึ่งทำให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียสิทธิการรักษาพยาบาลในบางกรณี เช่น ยาต้านไวรัสเอดส์, การปลูกถ่ายอวัยวะ ทำให้มีการร้องเรียนเข้ามาที่รัฐบาลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ไขคำสั่งครั้งนี้จึงเปิดโอกาสให้คนพิการที่มีงานทำ สามารถเลือกใช้สิทธิรักษาพยาบาลได้อย่างใดอย่างหนึ่งตามสมัครใจหรือตามความเหมาะสม โดยสามารถใช้สิทธิเปลี่ยนได้ปีต่อปี
"สิทธิประโยชน์ตามบัตรทองและประกันสังคมต่างมีข้อดีและข้อยกเว้น เช่น การใช้สิทธิตามประกันสังคมสามารถเบิกยานอกเหนือจากบัญชีหลักได้ด้วย" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
สำหรับประเด็นสุดท้ายที่หารือกันในที่ประชุม คสช. เป็นการจัดตั้งสำนักงานบริหารทรัพยากรน้ำธรรมชาติ ในสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานด้านทรัพยากรน้ำทั้งหมด ทั้งในเรื่องฐานข้อมูล แผนงาน งบประมาณ ติดตามการดำเนินงาน ตลอดจนพิจารณาเรื่องที่มีความสำคัญ ขณะที่การดำเนินการจัดตั้งกรมทรัพยากรน้ำยังคงเดินหน้าต่อไป