นายกฯ ลงพื้นที่จ.หนองบัวลำภู แนะเกษตรกรปรับตัวปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่-ปริมาณน้ำ ชี้ราคาต้องเป็นไปตามกลไก

ข่าวทั่วไป Thursday March 22, 2018 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในการลงพื้นที่จ.หนองบัวลำภูว่า การดูแลคนจนคือหลักการของความเท่าเทียมและเป็นธรรม เป็นความเท่าเทียมทางโอกาส ไม่ว่าจะรวยจน เราต้องสร้างความเชื่อมโยงให้ทุกคนมีโอกาส เพื่อเพิ่มรายได้ให้เข้มแข็งขึ้น แต่วันนี้ต้องกลับมาดูปัญหาว่า ในเรื่องของเกษตรกรที่วันหน้าอาจจะมีปัญหาปลูกพืชเชิงเดี่ยวมากเกินไป ราคาพืชการเกษตรรัฐบาลคงจะช่วยสนับสนุนราคาไม่ได้แล้วในวันนี้ เพราะกติกาการส่งออกพืชในวันนี้ไปต่างประเทศที่ต้องมีการรับรองมาตรฐาน การกำหนดโควต้าในการนำเข้าและส่งออก ที่หากเราใช้ยาฆ่าแมลงเราจะส่งออกไม่ได้เลย จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นรัฐบาลนี้แต่ก็ไม่สามารถบังคับทุกคนได้

นายกรัฐมนตรี ยังได้แนะนำเกษตรกรให้ปลูกพืชอินทรีย์ใช้น้ำน้อย เพราะพื้นที่การเกษตรของไทยมีทั้งในส่วนที่อยู่ในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานที่มีการปลูกข้าวกันปีละหลายครั้ง ทำให้ได้ข้าวไม่มีคุณภาพทำให้เกิดภาระ

"ทั้งประเทศมีทั้งยาง อ้อย มันสำปะหลัง ยางผมก็เป็นห่วงราคายางตกต่ำ 50 บาท ก่อนเข้ามา 30-40 บาท ก่อนหน้าโน้น 100 กว่า ท่านต้องเรียนรู้ราคายางเป็นไปเป็นราคาน้ำมันโลก แล้ววันหน้าหลายคนบอกวันหน้าจะทำให้ขึ้นเป็นร้อยกว่า จะไปขายใคร กองอยู่ในคลังกี่แสนตัน ในเมื่อซื้อแพง ขายไม่ได้ก็เป็นภาระคลัง ข้างนอกกดราคาเรา ข้างนอกรู้เรามียาง มีข้าวเยอะ ที่ผ่านมาเรามีข้าวเหลือกี่ล้านตัน วันนี้เพิ่งจำหน่ายหมดออกไป ราคาก็ไม่ได้ตามที่ซื้อเข้ามา เราไม่ว่ากัน แต่เราต้องวางแผนใหม่ว่าเราจะต้องทำอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ทั้งนี้ ส่วนราชการและประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาล ลดความหวาดระแวง ไว้เนื้อเชื่อใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ต้องร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ สร้างความเข้มแข็งในภูมิภาค และกลุ่มจังหวัด พร้อมค้นหาขีดความสามารถ และพัฒนาต่อไปให้เกิดความยั่งยืน มีความเข้มแข็งด้วยตนเอง โดยรัฐบาลต้องการดูแลประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจากภาษีที่จัดเก็บได้ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยต้องดูแลมากกว่าคนอื่น ๆ ทั้งนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน อย่ารอให้รัฐบาลช่วยฝ่ายเดียว ต้องเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นำนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ คิดใหม่ทำใหม่ให้มีคุณค่า สร้างความแตกต่าง พร้อมกับสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ ให้เชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวเชิงชุมชน ชูนวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นจุดขาย ส่วนเรื่องการผลิตสินค้าเกษตร ต้องส่งเสริมผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ ที่คำนึงถึงความต้องการและช่องทางการตลาดเป็นหลัก เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ รวมถึงการรวมกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ ปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ และปริมาณน้ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ