นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ตั้งฐานเติมฝนหลวงที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติฝนหลวง และเป็นการบรรเทาความเดือนร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยแล้งแล้ว รวมทั้งช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่เกษตรกรรมด้วย เนื่องจากขณะนี้จังหวัดบุรีรัมย์ได้ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุ่นแรงในหลายพื้นที่ หลายอำเภอ ซึ่งเป็นเหตุให้ราษฏรขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และมีแนวโน้ม ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงและฐานเติมสารฝนหลวง จะเร่งดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำฝนให้กับพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อนและแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆในพื้นที่เป้าหมายที่รับผิดชอบของแต่ละศูนย์ปฏิบัติการ โดยสำนักฝนหลวงและ การบินเกษตร ได้เริ่มตั้งศูนย์ปฏิบัติการหลวงฝนหลวงประจำภาค ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2553 เป็นต้นมา ในขณะนี้มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 ศูนย์ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วย และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน ประกอบด้วย 1) ศูนย์ปฏิบติการ ฝนหลวงประจำภาคเหนือ ได้แก่ หน่วยฯ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก และ จ.แพร่ และฐานเติมสารฯ จ.พิษณุโลก 2) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคกลาง ได้แก่ หน่วยฯ จ.ลพบุรี และ จ.กาญจนบุรี และฐานเติมสารฯ จ.นครสวรรค์ 3) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศูนย์ ฯ จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมา และฐานเติมสารฯ จ.บุรีรัมย์ 4) ศูนย์ปฏิบัติการ ฝนหลวงประจำภาคตะวันออก ได้แก่ หน่วยฯ จ.สระแก้ว และฐานเติมสารฯ จ.ระยอง และ 5) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคใต้ ได้แก่ หน่วยฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และฐานเติมสารฯ จ.ราชบุรี