นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินบัญชีและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงการประกาศเตือนของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)ส่งผลต่อยอดการจองโรงแรมลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ
บริษัทคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อรายได้ลดลง 50-60 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/54 จากปกติที่จะเป็นช่วง High season ของธุรกิจโรงแรม เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้อัตราการการจองห้องพักทรงตัวที่ระดับ 65% จากปกติในไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีอัตราการการจองห้องพักราว 70%
และจากปัจจัยผลกระทบน้ำท่วมคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมในปี 54 จะลดลงเหลือประมาณ 4.8-4 .9 พันล้านบาท จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ 5 พันล้านบาท ดังนั้น รายได้รวมของบริษัทในปีนี้น่าลดลงเล็กน้อยเท่านั้น จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.15 หมื่นล้านบาท เพราะธุรกิจอาหารเติบโตค่อนข้างดี ครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 5,631 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 40% มาจากธุรกิจโรงแรม และ 60% มาจากธุรกิจอาหาร
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวสามารถคลี่คลายได้เร็วภายในช่วงกลางเดือน พ.ย. ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อบริษัท และภาพรวมของประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการส่งข้อมูลให้กับเอเย่นต์การจองห้องพักถึงสถานการณ์น้ำท่วม และรายงานว่าผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นในกรุงเทพ แต่ยังมีจังหวัดที่บริษัทมีโรงแรมอยู่ที่ไม่ได้รับผลกระทบ
"ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ ซึ่งยอมรับว่าความชัดเจนในเรื่องน้ำท่วมไม่รู้จะนานเท่าไร ส่งผลให้ต่างชาติพอได้ฟังคำเตือนจาก ศปภ.ก็กังวล มีการดีเลย์ยอดจองห้องพักค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในกรุงเทพ แต่ในส่วนโรงแรมในต่างจังหวัด เช่น พัทยา ภูเก็ต อัตราการเข้าพักยังดี และในบางแห่งก็มีคนไทยที่ไปพักเพิ่มขึ้นด้วย ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นก็มาในช่วงปลายๆ ไตรมาส 3 ดังนั้นผลกระทบจึงไม่น่าจะมากและไม่ได้กระทบภาพโดยรวมของบริษัทจนน่าตกใจ"นายรณชิต กล่าว
นอกจากนั้น การที่บริษัทหันไปสร้างรายได้ด้วยการรับบริหารโรงแรม มากว่าการลงทุนเอง และเป็นการรับบริหารในต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าวได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งเป็นการเพิ่มรายได้อย่างมีนัยในอนาคต คาดว่าจะมีรายได้จากการบริหารโรงแรม ในปี 58 เติบโตก้าวกระโดด จากปี 54 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 140 ล้านบาท และปี 55 มีรายได้ 200 ล้านบาท
ส่วนแผนร่วมทุนธุรกิจโรงแรมภายในสิ้นปี 54 จำนวน 2 แห่ง ในประเทศ 1 ราย และมัลดีฟ 1 ราย ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 500 ล้านบาท ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม จากจำนวน 20 แห่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง และทยอยเปิดให้บริการในปี 55-57