คาดทิศทางหุ้นนิวยอร์ก-ยุโรปก่อนสิ้นปีขึ้นกับสถานการณ์ยุโรป,ข้อมูลศก.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 26, 2011 19:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตลาดหุ้นทุกแห่งในยุโรปปิดทำการในวันนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส ขณะที่เว็บไซต์ของซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายรายว่า ภาวะการซื้อขายในในอีก 2-3 วันข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดว่าดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปจะปิดฉากปี 2554 ด้วยการปรับตัวขึ้นหรือร่วงลง

พอล อีเดลสไตน์ และไนเจล กอลท์ นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั้งในสหรัฐและยุโรปมีโอกาสเพียงสัปดาห์นี้สัปดาห์เดียวเท่านั้นที่จะปิดฉากปี 2554 ในแดนบวก โดยคาดว่านักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ยอดขายบ้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกิจกรรมด้านการผลิตในเขตชิคาโก

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงเกินคาด และตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ที่กระเตื้องขึ้น แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดยังคงมีความอ่อนไหวต่อการถูกเทขาย หากวิกฤตหนี้ยุโรปกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง

นับตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นมา สถานการณ์ในยุโรปเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาด อันเนื่องมาจากการที่นักลงทุนมองว่าอิตาลีและสเปนอาจจะกลายเป็นเหยื่อวิกฤตหนี้สาธารณะรายต่อไป ต่อจากกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า สถานการณ์ยุโรปที่จะถูกจับตามากที่สุดคือประเด็นที่ว่า ปัญหาหนี้ของรัฐบาลในยูโรโซนจะลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตในภาคธนาคารและสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินทั่วโลกหรือไม่ หรืออาจจะรุนแรงจนถึงขั้นทำให้ยูโรโซนล่มสลายหรือไม่

นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูสถานการณ์ในตลาดพันธบัตรของยุโรปอย่างใกล้ชิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีและสเปนปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ โดยรัฐบาลสเปนจะเปิดประมูลตราสารหนี้ระยะสั้นในวันพุธ และจะเปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปี และ 10 ปีในวันพฤหัสบดีนี้

ขณะเดียวกันคาดว่า นักลงทุนจะติดตามดูท่าทีของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) หลังจากที่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เอสแอนด์พี ประกาศ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายใน 90 วันข้างหน้า หากผู้นำอียูไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ