ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 55.78 จุดหลังฟิทช์หั่นเครดิตฮังการี

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 7, 2012 07:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงสู่ "ระดับขยะ" และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปและยังได้บดบังตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 55.78 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 12,359.92 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 3.25 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 1,277.81 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 4.36 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 2,674.22 จุด

ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.2% ดัชนี S&P ปรับตัวขึ้น 1.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.7%

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น

แต่หลังจากนั้น ดัชนีดาวโจนส์ก็อ่อนแรงลงเนื่องจากตลาดเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ ซึ่งเป็น "ระดับขยะ" จากเดิมที่ระดับ BBB- เนื่องจากสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของรัฐบาลฮังการี รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

แมทเทโอ นาโปลิตาโน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิทช์กล่าวว่า "การลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานะการคลังที่ย่ำแย่และนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และจะยังทำให้การทำข้อตกลงครั้งใหม่ระหว่างกรีซกับ IMF/EU มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้คงแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮังการีไว้ที่ "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่า มีโอกาสมากกว่า 50% ที่ฟิทช์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงอีก ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า

หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 2.1% หลังจากบริษัทวางแผนลดกำลังการผลิตที่โรงงานถลุงแร่อลูมินัมทั่วโลก อันเป็นผลมาจากราคาปรับตัวลดลง

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณผลประกอบการของภาคธนาคาร โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.3% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.1%

หุ้นอีสต์แมน โกดัก ร่วงลง 11% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า อีสต์แมน โกดัก กำลังเตรียมยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ